การขับรถสิ่งที่ต้องรู้คือ เรื่องของกฏหมายจราจร การใช้รถบนถนนร่วมกับผู้อื่น การมีน้ำใจในการขับรถ และที่สำคัญไม่แพ้อ ย่ างอื่นเลยคือ ในเรื่องของความปลอ ดภั ย เพราะถนนแต่ละเส้นสายไม่เหมือนกัน บางเส้นทางตรง บางเส้นทางคดโค้ง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุ บั ติ เห ตุขึ้นได้ วันนี้เราจึงขอนำสาระดีๆในเรื่องของการขับรถขึ้นเขา ลงเขาอ ย่ างถูกวิ ธีมาฝากกัน
การขับรถยนต์บนท้องถนนในพื้นที่เส้นทางธรรมดาปกตินั้นหล า ยๆคนก็จะรู้วิ ธีการขับกันอยู่แล้ว แต่สำหรับบนเส้นทางการขึ้นเขาลงเขาหรือไปในเส้นทางที่มีความชันเอามากๆจะต้องมีการขับรถอ ย่ างร ะ มั ด ร ะ วั งอ ย่ างเป็นพิเศษ เพราะการขับรถขึ้นบนทางชันหรือทางลงเขานั้นไม่ใช่เส้นทางแบบเรียบง่ายที่เราขับขี่บนท้องถนนต ามปกติ จำเป็นที่จะต้องรู้วิ ธีการขับการเข้าเกียร์การเบรคอ ย่ างถูกต้อง เพื่อความปลอ ด ภั ยของตัวเราเอง รวมถึงผู้คนอื่นที่ขับขี่ร่วมบนถนนกับเราด้วย
หลักการขับรถลงเขา
การขับรถลงเขาไม่ควรใส่เกียร์ว่าง n เพราะจะทำให้ตัวรถมีการไหลลงมาบนเส้นทางด้วยความเร็วที่สูง ควรใช้เป็นเกียร์ D และให้ควบคุมความเร็วให้สัมพันธ์กับเกียร์ไว้อยู่ตลอ ดเวลา
การขับรถลงเขาให้มีการแตะเบรกอ ย่ างเป็นระยะระยะ เพื่อที่จะช่วยในการชะลอความเร็วในการประคองตัวรถและไม่ควรเหยียบเบรคค้างเอาไว้ เพราะจะทำให้ตัวผ้าเบรคเองมีความร้อนจนเป็นปัญหาผ้าเบรกไ ห ม้หรือมีปัญหาในการเบรกแบบกระทันหันได้
ถ้าไม่จำเป็นเลยไม่ควรเหยียบคันเร่งไว้แรงๆ ควรที่จะปล่อยให้รถไหลลงมาต ามเส้นทางด้วยการใช้เกียร์ D จะเป็นวิ ธีที่ปลอ ด ภั ยที่สุดสำหรับการขับรถลงบนเส้นทางลงเขา
ในระยะทางที่เจอช่วงโค้งหักศอ กแล้วราดลงมาให้แตะเบรคและผ่อนความเร็วประมาณ 40-50 กิโลเมตรต่อชม. จะเป็นระยะที่เหมาะที่สุดและยังคงเป็นระดับความเร็วที่เหมาะที่สุดสำหรับการขับรถลงเขาเช่นกัน
การขับรถลงเขาแน่นอนว่าไม่ควรแซงรถคันข้างหน้าในช่วงระยะทางลาดชัน โดยเฉพาะรถบ ร ร ทุกหนักๆ เพราะรถบ ร ร ทุกจะมีการบ ร ร ทุกของหนักและมีอัตราเร่งที่สูงกว่ารถทั่วๆไป ซึ่งจะมีความเร็วที่มาก บางครั้งหากเราแซงแล้วกะระยะที่ไม่พอ ดี ก็จะทำให้เกิดเหตุการณ์ต ามมาได้
หลักการขับรถขึ้นเขา
การสังเกตและการดูเส้นทางของความชันว่ามีมากหรือมีน้อย ให้ใช้เกียร์ที่ D2-D1 ซึ่งนั่นจะอยู่กับระดับความชันของระยะทางที่เราขับขี่ และเมื่อรถอยู่ในเส้นทางที่ราบก็ให้เปลี่ยนเกียร์มาใช้ที่เกียร์ D ต ามปกติ
การเหยียบคันเร่งต ามจังหวะของระดับความชันบนพื้นถนน และพย าย ามที่จะให้รอบเครื่องอยู่ที่ประมาณ 2,000 ถึง 3,500 ไม่ให้เกินไปถึง 4,500 ซึ่งจะเป็นในระดับที่เหมาะสม
สำหรับในเรื่องของความเร็ว การขับบนเส้นทางความชันให้อยู่ที่ประมาณ 50 ถึง 80 กิโลเมตรต่อชม. ไม่ควรใช้ความเร็วที่มากไปกว่านี้ เพราะเพื่อความปลอ ด ภั ย หากมีรถที่จะแซงก็ให้ชิดซ้ายเอาไว้ก่อนไม่ต้องรีบค่อยๆที่จะขับไปต ามเส้นทางในจังหวะของรถ
การเว้นระยะห่ า งสำหรับคันหน้าเป็นสิ่งที่ควรใส่ใจมากๆ ให้เว้นไว้ประมาณ 30 ถึง 50 เมตร เผื่อว่าการมีเหตุฉุก เฉินต่างๆ อ ย่ างการเบรกกะทันหั นเครื่องดับระหว่างทาง ซึ่งเว้นระยะเอาไว้เพื่อความปลอ ด ภั ยเอาไว้จะดี
บนเส้นทางที่เป็นทางโค้งมีลักษณะเป็นตัว s ระยะทางอ ย่ างต่อเนื่อง ผู้ที่ขับขี่นั้นควรที่จะสังเกตุเส้นทางใช้สายต ามองแบบใกล้ๆเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีรถที่สวน มา ให้ถอนคันเร่งแล้วเรียบทางตัดโค้งต ามเส้นทางแล้วก็ค่อยๆขับต่อไปยังไม่ต้องรีบร้อน
บนเส้นทางโค้งที่เป็นลักษณะทางแคบๆ มีสันเขาที่บังสายต าให้เข้าโค้งในรูปแบบธรรมดาและทำการบีบแตรเพื่อที่จะเป็นการบอ กให้กับรถคันอื่นๆได้เห็นว่ามีรถเราที่กำลังขับมา
ที่ม า postsod