อ ย่ าเผลอเอามือจับ เมื่อพบย างล้อรถยนต์บวม

สำหรับวันนี้เรามีสาระประโยชน์ เกี่ยวกับย างรถยนต์ที่เราใช้กันในทุกๆวัน ซึ่งเชื่อว่าหล า ยๆคนอาจจะยังไม่รู้ นั่นคือย างรถบวม หล า ยคนเมื่อเห็นว่าย างล้อรถบวมไม่รู้จะทำอ ย่ างไร ดังนั้นวันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้ว ไปดูกันเลย

เนื่องจากว่า ได้มีชาวเน็ตท่านหนึ่ง สังเกตเห็นว่า ที่ล้อรถยนต์ของเขาบวมปูดออ กมาเป็นก้อน ทำให้เขารู้สึกสงสัยว่าเป็นอะไร และจะแก้ไขได้อ ย่ างไร จึงได้นำไปโพสต์เพื่อสอบถามความคิดเห็น เผื่อจะมีผู้มีประสบการณ์ช่วยแนะนำได้บ้าง ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ถึงทำให้ย างรถยนต์เป็นแบบนี้ได้

และผู้คนก็ต่างเข้ามาให้ความคิดเห็น มากมาย บางคนก็สงสัยเช่นกัน ส่วนบางคนก็ได้บอ กวิ ธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำสักเท่าไหร่ เพราะว่าภายในล้อรถยนต์นั้น จะมีแรงดันอากาศสูง และหากทำอะไรเองโดยที่ไม่มีความรู้ หรือไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ก็อาจจะทำให้ย าง ร ะ เ บิ ด จนถึงขั้นได้รับบาดเ จ็ บอ ย่ างหนักได้ เพราะแรงดันในล้อนั้น มีมาก จนสามารถทำให้คนกระเด็นได้เลย

ที่ต่างประเทศก็มีตัวอ ย่ างให้เห็น ที่มีคนพย าย ามจะจัดการแก้ไขเกี่ยวกับล้อรถยนต์ที่มีปัญหาด้วยตนเอง จนทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ฉะนั้นหากใครที่พบว่าล้อรถยนต์มีอาการบวม ดังภาพ หรืออาจจะพบสิ่งผิ ดปกติอ ย่ างอื่น ควรจะรีบนำรถเข้าอู่ หรือศูนย์บริการ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้ตรวจเ ช็ ค และแก้ไขปัญหา เปลี่ยนแปลงให้จะดีที่สุด เราไม่ควรลงมือทำเองเด็ดข า ด ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ล้อมีอาการบวมแบบนี้ สามารถเกิดได้จากหล า ยสาเหตุ ได้แก่

การกระแทก ซึ่งอาจจะเกิดในตอนที่เรากำลังขับรถ แล้วไปกระแทกกับอะไรสักอ ย่ างอ ย่ างแรงจนย างบวมปูด

ยี่ห้อของย าง ซึ่งย างบางยี่ห้อก็มักจะมีการบวมอยู่บ่อยๆ ดังนั้นควรเลือ กยี่ห้อย างที่ดี ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้

คุณภาพของย าง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะย างเส้นนั้นคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน

5 อาการผิ ดปกติของ ย างรถยนต์ ที่บอ กว่ากำลังมีปัญหา

1. ดอ กย างสึกไม่เท่ากัน

ซึ่งโดยปกติแล้ว ดอ กย างนั้นจะสึกไม่เท่ากันอยู่แล้ว เพราะดอ กย างของล้อที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อน จะสึกเร็วกว่า ดอ กย างของล้อที่ทำหน้าที่หมุนต าม หรือล้อด้านในสึกไปเร็วกกว่าด้านนอ ก เพราะฉะนั้นเราควรจะสลับย างล้อคู่หน้ากับล้อคู่หลัง ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร เพื่อไม่ให้เกิดดอ กย างสึกไม่เท่ากันของย างทั้ง 4 เส้น

2. ลมย างอ่อนเร็วผิ ดปกติ

หากเราพบว่าลมบางอ่อนกว่าปกติ โดยสังเกตว่าต้องเติมลมย างบ่อยกว่าล้ออื่นๆ อาจจะเกิดจากย าง รั่วซึม ดังนั้นเราจึงไม่ควรที่จะปล่อยไว้ ให้รีบตรวจเ ช็ คย างทันที โดยการดูหน้าย าง ว่ามีรอยถูกทิ่ม หรือของแหลมคมหรือไม่ และเ ช็ ควาล์วเติมลม ว่าอยู่ในสภาพปกติดีหรือเปล่า หากมีอะไรผิ ดปกติให้รีบเปลี่ยนย างเส้นใหม่ทันที

3. ขับรถลุยแอ่งน้ำ แล้วรถแฉลบ

หากเราบังเอิญต้องขับรถลุยแอ่งน้ำแบบตื้นๆ แล้วมีความรู้สึกว่ารถแฉลบ อาจจะเกิดจากการที่ดอ กย างหมด หรือ ดอ กย างตื้นเกิน ทำให้รีดน้ำได้ไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรจะเป็น ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ง่ายมาก

วิ ธีการเ ช็ คดอ กย าง ให้ดูที่ สะพานย าง หากช่องดอ กย างเสมอเท่าสะพานย าง หมายความว่า ดอ กย างตื้นเกิน ควรที่จะต้องเปลี่ยนย างเส้นใหม่ได้แล้ว ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้

4. พวงมาลัยสั้น หรือรถเด้ง ทั้งๆที่ขับช้าๆ

ในการขับรถ ผู้ขับขี่จะต้องหมั่นสังเกตอาการของรถว่าขับได้ปกติดีหรือไม่ เพราะผู้ขับขี่จะรู้สึกได้เร็ว หากมีความผิ ดปกติเกิดขึ้น เช่น พวงมาลัยสั่น หรือรถเด้ง ในขณะที่ขับรถช้าๆ ซึ่งถ้าพบอาการแบบนี้ ต้องตรวจเ ช็ คดูว่า ย างบวมหรือเปล่า และบวมในลักษณะแบบไหน

5. เมื่อปล่อยพวงมาลับ แล้วรถไม่ตรง

หากเรากำลังขับรถอยู่ แล้วเผลอปล่อยพวงมาลัยสัก 3 วินาที เกิดรถไถลไปข้างไปใดข้างหนึ่ง อาจจะไถลตกข้างทาง หรืออาจจะเบนไปเลนฝั่งขวา นั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดีแล้ว ควรรีบนำรถเข้าตรวจเ ช็ คและแก้ปัญหาให้เรียบร้อยโดยเร็ว ซึ่งสาเหตุที่เป็นแบบนี้ ก็มาได้จากหล า ยสาเหตุ เช่น ย างรถที่ดอ กย างสึกไม่เท่ากัน เพลาล้อ ลูกหมาก และศูนย์ล้อ เพราะฉะนั้นควรตรวจเ ช็ คให้ละเอียด

ดังนั้นเราควรจะตรวจเ ช็ คความเรียบร้อยของเครื่องยนต์ และล้อย างรถยนต์ให้เรียบร้อยทุกครั้งก่อนใช้งาน ซึ่งล้อรถก็เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆในการขับขี่ เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนทิศทางรถ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่อย ากจะให้เกิดขึ้น ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ จึงควรตรวจเ ช็ คสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ทุกครั้ง

ที่มา   bitcoretech