เราทุกคนคงเคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่ ที่มาร่วมอวยพรตอนเราแต่งงาน หรือตอนที่เราพาแฟนไปเยี่ยมย ามท่าน ท่าน มักจะกล่าวคำอวยพรให้เราเสมอว่า ถือไม้เท้ายอ ดทองกระบองยอ ดเพชร ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่มีใครทราบได้ว่าการใช้ชีวิตคู่ จะสมหวังดังคำอวยพรนั้นหรือไม่ เพราะเมื่อคุณสองคนตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว จึงนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตครอบครัว แต่จุดหมายปล า ยทางของแต่ละครอบครัวนั้นจะเป็นอ ย่ างไร เราคงไม่สามารถคาดการณ์ได้
บ่ายวันหนึ่ง ผมเลิกงานกลับบ้าน ร้อนจนเหงื่อโชกเปิดตู้เย็นดู พบแตงโมสีแดงแช่เย็นอยู่ครึ่งซีก ดูเย็นฉ่ำน่าอร่อยด้วยความหิว และ กระห า ย จึงคว้าแตงโมออ กมากินจนเรียบต่อมา ภรรย าก็กลับมาถึงบ้าน เข้าบ้าน มาก็บ่น กระห า ยน้ำ ร้อน มาก เธอเปิดตู้เย็น และ ชะงัก พร้อมถามหาว่า แตงโมฉันห า ยไปไหน ผมบอ กเธอว่า แตงโมซีกนั้นผมกินไปแล้ว
สีหน้าเธอมีแววไม่พอใจอ ย่ างแรง เธอหยิบกระติกน้ำในตู้เย็นขึ้น มา ก็พบว่าในกระติกแห้งสนิทเธอพูดขึ้น มาทันที เธอ กลับบ้าน มาก่อนทำไมไม่กรอ กน้ำเข้าตู้บ้าง มัวทำอะไรอยู่ ผมฟังแล้วก็รู้สึกโ ก ร ธบ้าง จึงตอบโต้กลับไปว่า แล้วทำไมอะไรๆ ก็ต้องให้ฉันทำ เราทั้งสองคนโ ก ร ธกัน ไม่คุยกันอยู่เป็นอาทิตย์เช้าวันเ ส า ร ์ ผมกลับบ้านคนเดียว
กลับไปหาพ่อ กับแม่ไปพอเห็นหน้า พ่อ กับแม่ก็ถามว่า ทำไมไม่เห็นเมตต ามาเลยอาทิตย์นี้ (เมตต าคือชื่อภรรย าผม) ผมเล่าเรื่องที่โ ก ร ธกันให้ฟัง แม่ฟังแล้วตำหนิผม ทำอะไรไม่ควรห่วงแต่ตัวเอง ควรใส่ใจคนอื่นบ้าง ผมไม่เห็นด้วยแค่กินแตงโมไปครึ่งซีก จะอะไรนักหนาพ่อหัวเราะ แกไม่ต้องแก้ตัว พรุ่งนี้วันอาทิตย์ พากัน มากินข้าวที่นี่นะ วันรุ่งขึ้น ผมพาภรรย า และครอบครัว
มาหาพ่อ กับแม่พอเข้าบ้าน พ่อก็ใช้ผมไปซื้ อน้ำส้มสายชูพอผมกลับมา พ่อเห็นผมร้อนเหงื่อท่วมตัวพ่อก็เลยเอาแตงโมครึ่งซีกมาให้ผม แล้วพ่อก็พูดขึ้นว่า แกร้อนซะเหงื่อโชก กินแตงโมดับกระห า ยหน่อยเถอะ แตงซีกนั้นใหญ่ทีเดียว น่าจะหนักราวกิโลสองกิโลได้ผมกินไม่หมดก็เหลือไว้ให้ใครกินด้วยผมหยิบช้อนแล้วก็ตักกินใหญ่ กินไม่ถึงครึ่งก็พุงกางหลังกินอา ห ารเที่ยง พ่อเอาแตงโมงอีกซีก
ออ กมาวางบนโต๊ะบอ กผมว่า แกดูทีซิว่า มันต่างกันตรงไหน ผมดูอ ย่ างละเอียด ซีกหนึ่งเป็นซีกที่ผมกินไปส่วนอีกซีกที่เหลือก็ถูกกินไปด้วยพ่อชี้ให้ดูแตงแล้วอธิบายว่า ซีกนี้แกกิน อีกซีกนี่เมตต ากิน พ่อบอ กแกทั้งสองว่า ถ้ากินไม่หมดให้เหลือไว้ ดูสิว่าเมียแกใช้ช้อนกินยังไง เธอเริ่มตักจากตรงกลาง กินไปถึงขอบครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งไม่ถูกแตะต้อง แล้วดูของแกนี่
แกควักกินเนื้ อตรงกลางจนหมด เหลือขอบไว้ให้คนอื่น ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเนื้ อแตงโมหวานตรงกลาง จากเรื่องเล็กๆ เรื่องนี้ ก็เห็นได้ว่าเมตต ามีใจใหญ่กว่าแกมาก ผมหน้าแดงทันที พ่อพูดอ ย่ างมีความหมายว่า คนสองคนอยู่ด้วยกันไปตลอ ดชีวิต จะมีเรื่องสำคัญอะไรนัก ความรักความใส่ใจระหว่างผัวเมียอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ในน้ำมันหยดเดียว ข้าวช้อนเดียว น้ำแกงทัพพีเดียว คราวก่อนแกโ ก ร ธกันเรื่องกินแตงโม
แล้วยังมีข้ ออ้างมากมายทั้งที่เป็นฝ่ายผิ ด ถ้าเมตต าเป็นฝ่ายกลับถึงบ้านก่อนรับรองว่า เธอจะต้องเก็บไว้ให้แกครึ่งหนึ่ง อย่ าคิดว่านี่เป็นเรื่องเล็กที่ไม่สำคัญ แต่มันสะท้อนให้เห็นธาตุแท้ แตงโมชิ้นเดียวนั่นแหละ ให้ความรู้ในการใช้ชีวิตประจำวันคนต่อให้เย็นชาแค่ไหน แกค่อยๆ ให้ความอบอุ่น มันจะร้อนขึ้นสักวัน หรือใจที่ต่อให้ร้อนเท่าไรแกสาดน้ำเย็นใส่ทีละช้อนทีละช้อน
สักวันก็จะทำให้เย็นลงโดยสมบูรณ์คิดดูนะ ถ้าเมตต าเป็นเหมือนแก ทำอะไรไม่เคยใส่ใจ นานวันเข้า แกจะรู้สึกยังไง คำพูดคำเดียวนั้นปลุกคนตื่นโดยแท้ผมพบในทันใดว่า รองเท้าแตะที่วางไว้ให้ทุกวัน เมื่อ กลับถึงบ้านน้ำชาที่ชงไว้ให้ ร่มที่วางหน้าประตูย ามฝนตกล้วนแล้วแต่เป็นความรักความใส่ใจของเมตต าแต่ผมกลับไม่เคยเห็น ไม่รู้จักเอาใจเขาใส่ใจเราคิดแล้วก็ละอายรีบยกชามเกี๊ยวมาให้เมตต า
เธอ กินก่อนเถอะ เธอหัวเราะ ไม่ต้องมาทำไก๋ต่อหน้าพ่อ กับแม่ พ่อก็หัวเราะ ถ้าทำไก๋อ ย่ างนี้ได้ทั้งชีวิตก็ถือว่าเป็นสามีที่ดีนะลูก ในใจมีรัก ความรักนั้นต้องให้กันและกัน เราพึงใส่ใจอีกครึ่งของเรา อย่ าคิดว่าทุกปัญหาเป็นการหาเรื่องโดยไร้เหตุผล ลองคิดถึงความผิ ดของตนดูใช้ชีวิตธรรมดาของตนให้ดี ใส่ใจคนในครอบครัว อย่ ามัวแต่สนใจเรื่องของคนอื่นความสุขไม่ได้อยู่ที่บ้านใหญ่เพียงใด
แต่อยู่ที่เ สี ยงหัวเราะในบ้านหวานแค่ไหนความสุขไม่ใช่ได้ขับรถหรูเพียงใด แต่อยู่ที่ขับรถกลับถึงบ้านได้ปลอ ดภั ยความสุขไม่ใช่มีคนรักสวย แต่อยู่ที่รอยยิ้มของคนรักสดใสเพียงใด ความสุขไม่ได้อยู่ที่ได้ฟังคำหวาน มากหรือน้อยแต่อยู่ที่ย ามโศกเศร้าเ สี ยใจ มีคนบอ กฉันว่า ไม่เป็นไรยังมีฉันอยู่อย่ ามัวแต่สนใจเรื่องของคนอื่นในโลกโซเชียล จนห่างเหินกับคนในครอบครัวนะครับ
ที่มา chit-in staylifeth carprakan