ทุกๆอ ย่ างบนโลกใบนี้นั้น ล้วนแล้วแต่มีเวลาของมันเสมอ วันนี้หากมันไม่เป็นอ ย่ างที่เราหวัง ก็ใช่ว่าวันข้างหน้ามันจะไม่มีวันนั้น วันนี้อาจจะไม่ใช่วันของเรา แต่เราก็ไม่ควรที่จะท้อหรือหมดหวัง เพราะวันข้างหน้ามันอาจจะเป็นของๆเราก็ได้
ขอแค่ต้องรอเวลา ถ้าช่วงเวลานั้น มันไม่ใช่ ต่อให้เราพย าย ามแค่ไหน มันก็ไม่ใช่อยู่ดี ปล่อยให้เวลานั้น มันทำหน้าที่ของมันจะดีกว่านะ ถ้าถึงเวลาแล้วอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เป็นเรื่องธรรมดาในสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ ถ้าหากมันเป็นวันของเรา ต่อให้เราไม่ทำอะไรเลย โอกาสและสิ่งดีๆก็จะเข้ามาหาเราเอง
ระยะทางเมื่อย าวไกลจะสามารถรู้ถึงกำลังของม้าว่าเป็นอ ย่ างไรคนเราเมื่ออยู่ด้วยกันนานจะสามารถเห็น ถึงธาตุแท้หรือความจริงใจของเขา ลู่เหย า กับหม่าลี่ เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ลู่เหย า มีศักดิ์เป็นพี่
เขาแต่งงาน มีครอบครัวแล้ว หม่าลี่ เป็นผู้น้องยังไม่ได้แต่งงาน ลู่เหย ามีฐานะย ากจน ขณะที่หม่าลี่ฐานะร่ำร ว ย ด้วยเหตุนี้ ลู่เหย าจึงได้รับการอุดหนุนจุนเจือจากหม่าลี่เสมอวันหนึ่ง ลู่เหย าบอ กหม่าลี่ว่า
ตนเองต้องการไปแสวงโชคต่างเมือง อย ากจะฝากให้หม่าลี่ช่วยดูแลภรรย าให้ หม่าลี่รับปาก บอ กว่าเขาจะดูแลให้ ไม่ต้องเป็นกังวล ตั้งแต่นั้น มาทุกครึ่งเดือนหม่าลี่จะสั่งให้คนรับใช้ นำของกินของใช้บรรทุกใส่รถม้าเต็มคันรถ นำไปให้กับภรรย าของลู่เหย า ภรรย าของลู่เหย า
จึงคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็นับว่าไม่เล ว ได้รับการโอบอุ้มดูแล ยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับสามีเ สี ยอีก ไม่ต้องทำงานก็มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ทำให้นางนึกขอบคุณสามีที่มีน้องร่วมสาบานที่ดีเช่นนี้ ครึ่งปีผ่านไป เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป คนรับใช้ของหม่าลี่ ไม่ได้นำของไปให้ภรรย าของลู่เหย าอีกแล้ว
ครึ่งเดือนก็แล้ว หนึ่งเดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว ภรรย าของลู่เหย าจึงต้องขายข้าวของ ที่หม่าลี่เคยส่งไปให้ เพื่อประทังชีวิต ไม่ถึงครึ่งปี ข้าวของทุกอ ย่ างถูกขายจนหมด นางจึงคิดจะทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเองเนื่องจากนางเคยเรียนเย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่เ ด็ ก
นางจึงลองเย็บรองเท้าผ้าที่คนสวมใส่กันเป็นประจำขาย อาจเพราะว่า นางมีฝีมือ ดี หรือชาวบ้านต่างสงส ารนางก็มิอาจทราบได้ ทำให้ชาวบ้านพากันแ ย่งซื้ อ รองเท้าของนาง จนข า ยหมดเกลี้ยงทุกวัน ไม่ว่านางจะตั้งราคาสูงเพียงใดก็ต าม พริบต าเดียว ๑๐ ปีผ่านไป
ลู่เหย าก็กลับมาในคืนหนึ่ง เมื่อเขารู้ว่า ตั้งแต่เขาจากไป หม่าลี่ไม่เคยมาดูแลภรรย าของตน และส่งของกินของใช้ให้เพียงครึ่งปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ส่ง ของกินของใช้มาให้ภรรย าของตนอีกเลย เขาทอ ดถอนใจ แล้วกล่าวว่า คนอยู่น้ำใจอยู่ เมื่อคนจากไปทุกอ ย่ างก็เปลี่ยนไป
เมื่อหม่าลี่ ทราบข่าวว่าลู่เหย ากลับมา จึงส่งคนไปเชิญ มาเลี้ยงต้อนรับ แต่ลู่เหย าปิดประตูไม่รับแขก หม่าลี่จึงไปเชิญลู่เหย าด้วยตนเอง เขาคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตู จนลู่เหย าจำใจต้องไปที่บ้านของหม่าลี่ ระหว่างกินเลี้ยงกัน ลู่เหย าต่อว่าหม่าลี่ที่ไม่ดูแลภรรย าของตน ซึ่งเปรียบเสมือนพี่สะใภ้ของหม่าลี่ก็ไม่ปาน
หม่าลี่จึงพาลู่เหย าเข้าไปที่สวนดอ กไม้หลังบ้าน เขาเปิดประตูห้องใหญ่ห้องหนึ่งออ ก และเชิญลู่เหย าเข้าไปลู่เหย าตกตะลึงจนต าค้าง เขาเห็นรองเท้าผ้ากองเต็มห้องไปหมด ลู่เหย าเข้าใจทันที เขาจึงก้าวถอยออ กจากประตูด้วยความละอายใจ
และก้มลงคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหม่าลี่ หม่าลี่รีบเข้าไปพยุงให้ลู่เหย าลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า เรื่องที่พี่ใหญ่ฝากฝังให้ข้าดูแลพี่สะใภ้นั้น ข้าไม่เคยลืมเลย แต่นึกไม่ถึงว่า ครั้งนี้พี่ใหญ่จะไปเนิ่นนานถึงสิบปี เดิมทีข้าคิดจะอุดหนุน จุนเจือพี่สะใภ้ด้วยของกินของใช้บริบูรณ์
แต่อีกใจก็คิดว่า เมื่อนางได้มีกิน มีใช้ อ ย่ างสุขสบาย วันๆ ไม่ต้องทำอะไรอาจเป็นเหตุ ให้นางก่อเรื่องที่มิดีมิงามขึ้นได้ ครั้นข้าจะไปดูแลนาง ก็เกรงว่าจะเป็นที่ครหาให้นางเ สี ยชื่อเ สี ยง แล้วหากท่านกลับมา ข้าจะมาสู้หน้าท่านได้อ ย่ างไร แต่ก้อน่านับถือที่พี่สะใภ้
รู้จักทำมาหากินด้วย ความสามารถของนางเอง สมกับที่ข้าได้ตั้งใจไว้ ข้าจึงให้คนไปซื้ อ รองเท้า ที่นางทำขายทุกครั้งไปลู่เหย าได้ฟังแล้วก็ซาบซึ้งยิ่งนัก เขายืนจ้องหน้าหม่าลี่อยู่นาน
สักพักจึงกล่าวประโยคหนึ่งขึ้น มาว่า ลู่เหย า หนทางไกล รู้ใจหม่าลี่ กำลังของม้า กาลเวลาพิสูจน์ใจคน คำกล่าวจีนที่ว่า หนทางไกลพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน จึงได้เผยแพร่สืบต่อ กันเรื่อยมา โดยเราใช้คำพรรณานี้มองเห็นว่า การที่เราจะรู้อุปนิสัยใจคอของใคร
อ ย่ างแท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อได้อยู่ร่วมกับเขามาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วนั่นเอง เมื่อได้อ่ าน แล้วรู้สึกชอบเรื่องราว ของลู่เหย าและหม่าลี่ ทำให้มาคิดว่าบางครั้งในชีวิตของคนเรานั้น การจะทำความดี ต้องทำอ ย่ างอ ดทน ต้องทำอ ย่ างลึกซึ้ง ต้องทำอ ย่ างไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน
ไม่ต้องหวังว่า ทำดีกับคนอื่นแล้วเขาจะต้องดี ตอบกับเรามิเช่นนั้น เราจะทุกข์ใจหากไม่ได้ การตอบแทนต ามที่หวังไว้แม้คนอื่น อาจเข้าใจผิ ดว่า เราไม่ได้ทำอะไรเปรียบเสมือนผู้ที่ปิดทองหลังพระ แม้ไม่มีใครมองเห็น แต่ตัวเรามองเห็นตัวเราเอง มองเห็นความดีที่เราทำแค่นี้เราก็อิ่มเอิบใจและมีความสุขแล้ว
ที่มา ForwardLINE meeyim yindeeyindee