หนทางพิสูจน์ม้า วันเวลาพิสูจน์คน

วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ข้อคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตกับบทความ หนทางพิสูจน์ม้า วันเวลาพิสูจน์คน ไปดูกันว่าทำไมหนทาง ระยะอันย าวไกลถึงเป็นเครื่องพิสูจน์ม้าได้เป็นอย่ างดี และวันเวลาที่เปลี่นไป ถึงบอ กใจคนได้อย่ างชัดเจน

ระยะทางเมื่อย าวไกลจะสามารถรู้ถึงกำลังของม้าว่าเป็นอย่ างไร…คนเราเมื่ออยู่ด้วยกันนาน จะสามารถเห็นถึงธาตุแท้หรือความจริงใจของเขา… ลู่เหย า กับหม่าลี่ เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ‘ลู่เหย า’ มีศักดิ์เป็นพี่เขาแต่งงาน มีครอบครัวแล้ว ‘หม่าลี่’ เป็นผู้น้องยังไม่ได้แต่งงาน ลู่เหย ามีฐานะย ากจน ขณะที่หม่าลี่ฐานะร่ำร ว ย ด้วยเหตุนี้ ลู่เหย าจึงได้รับการอุดหนุนจุนเจือจากหม่าลี่เสมอ

วันหนึ่ง ลู่เหย าบอ กหม่าลี่ว่าตนเองต้องการ ไปแสวงโชคต่างเมือง อย ากจะฝากให้หม่าลี่ช่วยดูแลภรรย าให้ หม่าลี่รับปากบอ กว่าเขาจะดูแลให้ ไม่ต้องเป็นกังวล ตั้งแต่นั้น มาทุกครึ่งเดือนหม่าลี่จะสั่งให้คนรับใช้นำของกินของใช้บรรทุกใส่รถม้าเต็มคันรถ นำไปให้กับภรรย าของลู่เหย า ภรรย าของลู่เหย าจึงคิดว่าเป็นเช่นนี้ก็นับว่าไม่ เ ล ว ได้รับการโอบอุ้มดูแล ยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับสามีเสียอีกไม่ต้องทำงานก็มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ทำให้นางนึกขอบคุณสามีที่มีน้องร่วมสาบานที่ดีเช่นนี้

ครึ่งปีผ่านไป เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป คนรับใช้ของหม่าลี่ ไม่ได้นำของไปให้ภรรย าของลู่เหย าอีกแล้วครึ่งเดือนก็แล้ว หนึ่งเดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว ภรรย าของลู่เหย าจึงต้องข า ยข้าวของที่หม่าลี่เคยส่ งไปให้ เพื่อประทังชีวิต ไม่ถึงครึ่งปี ข้าวของทุกอย่ างถูกข า ยจนหมด นางจึงคิดจะทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเองเนื่องจากนางเคยเรียนเย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่เด็กนางจึงลองเย็บรองเท้าผ้าที่คนสวมใส่กันเป็นประจำข า ย อาจเพราะว่า นางมีฝีมือ ดีหรือช าวบ้านต่างสงสารนางก็มิอาจทราบได้ ทำให้ช าวบ้านพากัน แ ย่ ง ซื้ อ รองเท้าของนางจนข า ยหมดเกลี้ยงทุกวัน

ไม่ว่านางจะตั้งร า ค า สูงเพียงใดก็ต าม พริบต าเดียว ๑๐ ปีผ่านไปลู่เหย าก็กลับมาในคืนหนึ่ง เมื่อเขารู้ว่า ตั้งแต่เขาจากไป หม่าลี่ไม่เคยมาดูแลภรรย าของตนและส่ งของกินของใช้ให้เพียงครึ่งปี หลังจากนั้นก็ไม่ได้ส่ ง ของกินของใช้มาให้ภรรย าของตนอีกเลย
เขาทอ ดถอนใจ แล้วกล่าวว่า ‘คนอยู่น้ำใจอยู่ เมื่อคนจากไปทุกอย่ างก็เปลี่ยนไป’ เมื่อหม่าลี่ ทราบข่าวว่าลู่เหย ากลับมา จึงส่ งคนไปเชิญ มาเลี้ยงต้อนรับ แต่ลู่เหย าปิดประตูไม่รับแขกหม่าลี่ จึงไปเชิญลู่เหย าด้วยตนเอง เขา คุ ก เข่าอยู่ที่หน้าประตู จนลู่เหย าจำใจต้องไปที่บ้านของหม่าลี่

ระหว่างกินเลี้ยงกัน ลู่เหย าต่อว่า หม่าลี่ที่ไม่ดูแลภรรย าของตน ซึ่งเปรียบเสมือนพี่สะใภ้ของหม่าลี่ ก็ไม่ปานหม่าลี่จึงพาลู่เหย า เข้าไปที่สวนดอ กไม้หลังบ้าน เขาเปิดประตูห้องใหญ่ห้องหนึ่งออ กและเชิญลู่เหย าเข้าไป…ลู่เหย าตกตะลึงจนต าค้าง เขาเห็นรองเท้าผ้ากองเต็มห้องไปหมดลู่เหย าเข้าใจทันที เขาจึงก้าวถอยออ กจากประตูด้วยความละอายใจและก้มลง คุ ก เข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหม่าลี่ หม่าลี่รีบเข้าไปพยุงให้ลู่เหย าลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า ‘เรื่องที่พี่ใหญ่ฝากฝังให้ข้าดูแลพี่สะใภ้นั้น ข้าไม่เคยลืมเลย

แต่นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้พี่ใหญ่จะไปเนิ่นนานถึงสิบปี เดิมทีข้าคิดจะอุดหนุน จุนเจือพี่สะใภ้ด้วยของกิน ของใช้ บริบูรณ์แต่อีกใจก็คิดว่า เมื่อนางได้มีกิน มีใช้ อย่ างสุขสบาย วันๆ ไม่ต้องทำอะไรอาจเป็นเหตุให้นางก่อเรื่องที่มิดีมิงามขึ้นได้ ครั้นข้าจะไปดูแลนาง ก็เกรงว่าจะเป็นที่ครหาให้นางเสียชื่อเสียงแล้วหากท่านกลับมา ข้าจะมาสู้หน้าท่านได้อย่ างไร แต่ก้อน่านับถือที่พี่สะใภ้ รู้จักทำมาหากินด้วย ความสามารถของนางเอง สมกับที่ข้าได้ตั้งใจไว้ ข้าจึงให้คนไปซื้ อ รองเท้าที่นางทำข า ยทุกครั้งไป’

ลู่เหย าได้ฟังแล้ว ก็ซาบซึ้งยิ่งนัก เขายืนจ้องหน้าหม่าลี่อยู่นานสักพักจึงกล่าวประโยคหนึ่งขึ้น มาว่า ‘ลู่เหย า ( หนทางไกล ) รู้ใจหม่าลี่ ( กำลังของม้า ) กาลเวลาพิสูจน์ใจคน’ คำกล่าวจีนที่ว่า ‘หนทางไกลพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน’ จึงได้เผยแพร่สืบต่อ กันเรื่อยมา โดยเราใช้คำพรรณานี้มองเห็นว่า ‘การที่เราจะรู้อุปนิสัยใจคอของใครอย่ างแท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อได้อยู่ร่วมกับเขามาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วนั่นเอง’ เมื่อได้อ่าน แล้วรู้สึกชอบเรื่องราว ของลู่เหย าและหม่าลี่ ทำให้มาคิดว่า…บางครั้งในชีวิตของคนเรานั้น

การจะทำความดี ต้องทำอย่ างอ ดทน ต้องทำอย่ างลึกซึ้ง ต้องทำอย่ างไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนไม่ต้องหวังว่า ทำดีกับคนอื่นแล้วเขาจะต้องดี ตอบกับเรามิเช่นนั้น เราจะทุ ก ข์ใจหากไม่ได้การตอบแทนต ามที่หวังไว้ แม้คนอื่น อาจเข้าใจผิดว่า เราไม่ได้ทำอะไรเปรียบเสมือน ผู้ที่ปิดทองหลังพระ แม้ไม่มีใครมองเห็น แต่ตัวเรามองเห็นตัวเราเอง มองเห็นความดีที่เราทำ…แค่นี้เราก็อิ่มเอิบใจและมีความสุขแล้ว

ที่มา F o r w a r d L I N E, v e r r y s m i l e j u n g