วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ความหมายของตัวอักษรบนย างรถยนต์ ที่หล า ยๆ คน มักมองข้ามไป และเมื่อเกิดปัญหากับย างรถยนต์มักจะแก้ไขไม่ได้ทันเวลา กับบทความ ความหมายของตัวอักษรบนย างรถยนต์ ที่หล า ยคนควรรู้ไว้ ไปดูกันว่าจะต้องรู้เรื่องอะไรบ้างเพื่อให้เราใช้รถยนต์ได้อย่ างปลอ ดภัย
การเดินทางที่ดีกับ ย า นพาหนะคู่ใจ นอ กจากความพร้อมของเครื่องยนต์แล้ว สิ่งสำคัญอีกสิ่ง คือ ย า งรถยนต์ หาก ย า งเกิดเสื่อมในขณะเดินทาง อาจทำให้เกิดอุ บั ติเ ห ตุ ย า งร ะเ บิด ก ลางทางได้ง่าย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียห า ยทั้งทรัพย์สิน ที่สำคัญต่อชีวิต เราจึงประมาทไม่ได้ ดังนั้นการศึกษาสัญลักษณ์บน ย า งจึงสำคัญมาก เพราะมีความหมายว่า ย า งนั้นพร้อมใช้งานหรือไม่
ต ามตัวอ ย่ า ง
ตัวเลขที่อยู่บน ย า งรถยนต์ จะเป็นรหัสที่บอ กถึงพื้นฐานของ ย า ง นั่นคือ ขนาด และวันผลิต ตัวเลขที่แสดงขึ้น มา 185 คือ ความกว้างของ ย า ง มีหน่วยเป็น มิลลิเมตร 75 คือ ความสูงของแก้ม ย า ง เท่ากับ 75% ของความกว้าง ย า ง R คือ ชนิดของ ย า ง ซึ่ง ปั จ จุ บั น ใ ช้เป็นเรเดียล ( Radial ) เกือบทั้งหมด 14 คือ ขนาดเส้นผ่ า นศูนย์กลางล้อ หน่วยเป็นนิ้ว 82 คือ พิกัดรับน้ำหนักบรรทุก s คือ พิกัดความเร็ว
ความกว้างของ ย า ง วัดจากความกว้างสูงสุดระหว่างแก้มซ้ายถึงแก้มขวา
ความสูงของแก้ม ย า ง หรือซีรีย์ ยกตัวอ ย่ า งเช่น ซีรีย์ 60 จะคิดได้จากความสูงของความกว้าง ย า ว 60%
เส้นผ่ า นศูนย์กลาง หรือที่เรียกกันว่า ขอบ ก็จะเป็นค่าการใช้งาน เช่น ย า งขอบ 15 เราก็จะใช้งานกับล้อขอบ 15
ต ามต าราง จะเป็นการแสดงถึง พิกัดรับน้ำหนักบรรทุก กับอัตราพิกัดความเร็ว
ตัวเลขที่วงไว้ จะแสดงถึง วันที่ผลิต
จากภาพคือ 4202 มีความหมายว่า ผลิตเมื่อสัปดาห์ที่ 42 ของปี 2002 ซึ่งหมายความว่า ตัวเลขคู่หน้า คือ สัปดาห์ที่ผลิต และคู่หลัง คือ ปีที่ผลิต นั่นเอง
จุดสีเหลือง จะประกฎอยู่บนแก้ม ย า ง เราจะเรียกว่า Weight mark ซึ่งจะแสดงถึงจุดที่เบาที่สุดของ ย า ง เพื่อเป็นเครื่องหมายให้ช่างได้ทราบว่า ตรงนี้คือส่วนที่มีน้ำหนักเบาที่สุด และทางผู้ผลิตจะใส่จุกลม ย า งไว้ตรงจุดนี้ด้วย เพื่อที่จะได้เกิดความสมมาตรมากที่สุด เวลาที่ถ่วงล้อ
แต่หากบน ย า งนั้นปรากฎจุดสีแดง ให้ยึดจุดสีแดงไว้เป็นหลักได้เลย โดยไม่ต้องสนใจจุดสีเหลือง จุดเหล่านี้จะเป็นไปต ามลักษณะของ ย า งที่ผลิตแต่ละล็อต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทางช่างควรทราบ เพื่อจะได้ไม่เปลืองตะกั่วถ่วง ย า งมากเกินไป เราเองก็ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเอาไว้ด้วย
ย า งรถกระบะ จะมีความหมายของตัวเลข และตัวอักษรบนแก้ม ย า ง โดยมีลักษณะดังนี้ 195R14C 8PR นั่นคือ
195 คือ ความกว้าง ย า งรถยนต์ มีหน่วยเป็น มิลลิเมตร อ่านว่า 195 มิลลิเมตร
R คือ โครงสร้าง ย า งแบบเรเดียล 14 คือ เส้นผ่ า ศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็น นิ้ว
C คือ Commercial หมายถึง ย า งที่ใช้เพื่อ การขนส่ ง
8PR คือ อัตราชั้นผ้าใบเทียบเท่า 8 ชั้น
ซีรีย์ หากไม่มีกำหนดไว้ ให้คิดไว้เลยว่า ย า งนั้นเป็นซีรี่ย์ 80
ย า งรถขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีความหมายของตัวเลข และอักษรบนแก้ม ย า ง โดยมีลักษณะดังนี้ 31×10.5R15 นั่นคือ
31 คือ เส้นผ่ า ศูนย์กลาง ย า งรถยนต์ มีหน่วยเป็นนิ้ว
10.5 คือ ความกว้าง ย า ง มีหน่วยเป็น นิ้ว
R คือ โครงสร้าง ย า งแบบเรเดียล
15 คือ เส้นผ่ า ศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็น นิ้ว
หรือ 120/70-ZR17 58W นั่นคือ
120 คือ ความกว้างหน้า ย า ง 120 มิลลิเมตร
70 คือ ความสูงแก้ม ย า ง วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของความกว้างหน้า ย า ง ในตัวอ ย่ า งคือ 70% ของ 120 นั่นคือ ย า งมีความสูง 84 มิลลิเมตร
Z คือ สัญลักษณ์ที่บ่งบอ กว่า เป็น ย า งที่ใช้กับรถความเร็วสูง
R คือ โครงสร้าง ย า งเรเดียล หากไม่มีแสดงว่าเป็น ย า ง Belt Bias
17 คือ ขนาดขอบล้อ 17 นิ้ว
58 คือ เรทการรับน้ำหนักสูงสุดของ ย า ง ( Load Index ) เทียบเท่ากับ 236 กิโลกรัม
W คือ เรทความเร็วสูงสุดที่ ย า งสามารถรับได้ ซึ่งตัว W นี้ หมายถึง ไม่เกิน 270 กม./ชม.
ซึ่งรหัสตัว W นี้ จะเปลี่ยนไปต ามความสามารถของ ย า งเป็นความเร็วสูงสุดที่ ย า งนั้นๆจะรับได้ ซึ่งจะมีความหมายต ามตัวอักษรที่ปรากฎอยู่ดังนี้
B — 50 km/h — 31 mph
C — 60 km/h — 37 mph
D — 65 km/h — 40 mph
E — 70 km/h — 43 mph
F — 80 km/h — 50 mph
G — 90 km/h — 56 mph
J — 100 km/h — 62 mph
K — 110 km/h — 68 mph
L — 120 km/h — 75 mph
M — 130 km/h — 81 mph
N — 140 km/h — 87 mph
P — 150 km/h — 93 mph
Q — 160 km/h — 99 mph
R — 170 km/h — 106 mph
S — 180 km/h —112 mph
T — 190 km/h — 118 mph
U — 200 km/h — 124 mph
H — 210 km/h — 130 mph
V — 240 km/h — 150 mph
W — 270 km/h — 168 mph
Y — 300 km/h — 186 mph
Z — over 240 km/h — over 150 mph
หากมีสัญลักษณ์ M/C ติดอยู่ แสดงว่า ย า งเส้นนี้ใช้สำหรับมอเตอร์ไซค์
สัญลักษณ์บน ย า งแต่ละอ ย่ า งนั้น มีความสำคัญมาก เราจึงไม่ควรละเลยที่จะศึกษาเพื่อเป็นความรู้ ก่อนที่จะโดนหลอ ก หรือใช้งานผิดประเภท จนเกิดอุ บั ติ เ ห ตุได้ ซึ่งหล า ยคนไม่เคยที่จะสนใจ มาถึงวันนี้ควรหัน มาให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้ได้แล้ว ก่อนที่จะสายเกินไป
ที่มา Feedsod, krustory