8 คำพูดที่พ่อแม่ไม่ควรพูดกับลูก

วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ประโยคคำพูดที่พ่อแม่ไม่ควรพูดกับลูก กับบทความ 8 คำพูดที่พ่อแม่ไม่ควรพูดกับลูก ไปดูกันว่าพ่อแม่ยุคใหม่ ไม่ควรพูดอะไรกับลูกบ้าง

1 พูดเข้าข้างเมื่อลูกทำผิด เช่น ‘ลูกฉันไม่ผิด’ ‘ไหนใครว่าลูกฉัน’

การพูดเช่นนี้เป็นการสร้างนิสัยเอาแต่ใจและไม่ยอมคนให้กับเด็ก เป็นการต ามใจลูกในทางที่ผิด ( หรือที่เรียกว่าพ่อแม่รังแกฉัน ) เพราะทำให้เด็กไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่ วดี และเมื่อโตขึ้น เด็กก็จะรับไม่ได้เมื่อถูกต่อว่าหรือตำหนิดังนั้น ถ้าพบว่าลูกทำผิดจริง อันดับแรกเลยคุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้เด็กรู้จักขอโทษและยอมรับผิด ( ห้ามออ กรับแทนลูกเด็ดข า ด ) และชี้ให้เห็นว่าอะไรถูกหรือผิด อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เพราะอะไร และถ้าทำผิดแล้ว จะมีผลอย่ างไรต ามมา เพื่อให้เด็กเข้าใจและปรับปรุงตัวเอง

2 คำสั่งห้ามต่างๆ เช่น ‘ไม่ อย่ า หยุด’

การพูดห้ามเด็กบ่อยๆ จะทำให้เด็กข า ดความมั่นใจที่จะทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง เพราะกลัวที่จะทำผิดหรือทำแล้วไม่ถูกใจผู้อื่น ทำให้เด็กไม่กล้าคิดและไม่กล้าทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจจะทำให้เขาเสียโอ กาสที่จะเรียนรู้ว่าตัวเองมีความสามารถด้านไหน ชอบหรือไม่ชอบทำอะไร และทำอะไรได้ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพูด 3 คำนี้ไม่ได้เลย คงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย เพราะถ้าอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายหรือไม่เหมาะสมก็สามารถพูดได้ที่สำคัญก็คือ ควรมีการอธิบายให้เด็กเข้าใจถึงเหตุผลว่าสิ่งนี้ทำไม่ได้เพราะอะไร หรือถ้าเป็นสถานการณ์ปกติทั่วไป คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถเปลี่ยนคำพูดจากการห้ามเป็นการบอ กสิ่งที่เด็กควรทำให้ชัดเจน เช่น ‘เดินจับมือแม่ไปด้วยกันนะคะ หนูจะได้ไม่หลง’ แทนคำว่า ‘อย่ าวิ่งไปไหนนะ’ หรือ ‘เก็บของใส่กล่องเบาๆ นะคะ’ แทนคำว่า ‘อย่ าโยนของแรงๆ สิ’ เป็นต้น

3 คำพูดขู่ เช่น ‘เดี๋ยวจะเอาไปทิ้ง’ ‘เดี๋ยวไม่รักนะ’ ‘อย่ าทำแบบนี้เดี๋ยวตำรวจมาจับหรือผีมาหลอ ก’

การขู่ที่มีเงื่อนไขของการไม่ได้รับความรักหรือ การถูกทิ้ง จะทำให้เด็กไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นที่รักของครอบครัวหรือไม่ และทำให้เด็กเกิดความหวาดระแวง กลายเป็นคนขี้กลัว นอ กจากนี้ ยังเป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้กับเด็กอีกด้วยว่า การได้มาซึ่งความรักจะต้องมีเงื่อนไขเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียความนับถือในตัวเองและผู้อื่นได้การพูดขู่เด็กโดยไม่มีเหตุผล

จะทำให้เด็กรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งต่างๆ รอบตัว และทำให้เด็กไม่สามารถใช้ความคิดและเหตุผลในการไตร่ตรองสิ่งต่างๆ ได้อย่ างถูกต้อง ทำให้เกิดความเปราะบางทางด้านจิตใจ และเมื่อเด็กเผชิญปัญหา เด็กก็จะกลัวและไม่สามารถหาทางแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรพูดกับลูกด้วยเหตุผลที่สมจริง หรือสอนในสิ่งที่เขาทำได้และควรทำ ที่สำคัญ ควรชื่นชมและแสดงความภาคภูมิใจ เมื่อลูกๆ สามารถปฏิบัติตัวได้อย่ างถูกต้อง

4 พูดเปรียบเทียบหรือประชดประชัน เช่น ‘ไม่เห็นน่ารักเหมือนน้องคนนั้นเลย’ ‘ดูสิ ลูกคนอื่นเขายังทำได้เลย’

การที่คุณพ่อคุณแม่ใช้คำพูดในลักษณะนี้ เพราะอย ากผลักดันให้ลูกเกิดความพย าย ามในการทำสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น หรือเพื่อให้ลูกพัฒนาตัวเองมากขึ้น แต่รู้มั้ยว่าคำพูดเหล่านี้กลับกลายเป็นการทำร้ า ยจิตใจและทำให้เด็กรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ไม่มีความสามารถ ไม่เก่งหรือไม่ดีพอเท่ากับเด็กคนอื่น กลายเป็นเด็กที่ไม่กล้าแสดงออ ก ข า ดความมั่นใจ และอาจทำให้เด็กมีนิสัยขี้อิจฉา สร้างความเ ก ลี ย ดชังให้กับคนที่เด็กโดนเอาไปเปรียบเทียบโดยไม่รู้ตัว ทำให้เด็กลุกขึ้น มาต่อต้าน บางคนก็อาจแสดงออ กด้วยความก้าวร้าว รุนแรง

และพย าย ามทำตัวเองใbห้อยู่ด้านตรงกันข้ามกับที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจก่อนว่าลูกมีข้อ ดีอย่ างไร หรือมีความชอบ ความถนัดด้านไหน จากนั้นก็พย าย ามส่ งเสริม สนับสนุนในสิ่งที่เขาทำ และควรแสดงความชื่นชมเพื่อให้เขาเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง และพัฒนาศักยภาพของตัวเองไปในทางที่ถูกต้อง คุณพ่อคุณอาจจะเล่าว่าเด็กคนอื่นหรือญาติพี่น้องในวัยเดียวกัน มีความสามารถหรือมีข้อ ดีอย่ างไร ในขณะเดียวกันก็ต้องบอ กให้ลูกมั่นใจว่าตัวเองก็มีส่วนที่ดีหรือส่วนที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้เช่นกัน เพื่อให้เด็กมีความมั่นใจ และเชื่อว่าคนทุกคนสามารถพัฒนาได้ ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเก่งเหมือนใคร แต่เราสามารถเก่งในแบบของเราได้

5 พูดเชิงบังคับ เคี่ยวเข็ญ เช่น ‘ทำไมไม่รับผิดชอบอะไรเลย’ ‘ต้องพย าย ามให้มากกว่านี้สิ’ ‘เทอมนี้เกรดต้องดีกว่านี้นะ’

การใช้คำพูดเชิงบังคับ เคี่ยวเข็ญ ส่ งผลคล้ายกับการพูดเปรียบเทียบ นั่นคือ ทำให้เด็กรู้สึกไม่มีคุณค่า ไม่กล้าแสดงออ ก ทำให้เด็กรู้สึกเครียด และกดดันตัวเองจนทำให้กลายเป็นคน มองโลกในแง่ร้ า ย ไม่ไว้ใจผู้อื่น หรือมุ่งสู่ความสำเร็จเพียงอย่ างเดียวโดยไม่สนใจคนรอบข้าง และยังทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ราบรื่น เพราะเด็กอาจแสดงความก้าวร้าว รุนแรง ต่อต้านผู้ปกครอง และพย าย ามทำตัวเองให้อยู่ด้านตรงข้ามกับคุณพ่อคุณแม่แนะนำว่าลองเปลี่ยนจากการบังคับมาเป็นให้กำลังใจลูกแทนจะดีกว่า เพราะการให้กำลังใจเป็นการแสดงออ กถึงความรักและความห่วงใย เด็กเองก็จะรับรู้ได้ถึงความหวังดีที่พ่อแม่มีให้ ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีความมุ่งมั่นและมั่นใจที่จะทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น และยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวให้ดีขึ้นด้วย

6 ตวาดหรือพูดด้วยอารมณ์ เมื่อโมโห หรือข า ดสติ

การพูดโดยใช้อารมณ์เวลาที่โมโหหรือข า ดสติ อาจทำให้เด็กจดจำและนำไปลอ กเลียนแบบได้ เพราะเด็กจะซึมซับและคิดว่าการพูดไม่ดีเป็นสิ่งที่ทำได้ ดังนั้น เวลาที่คุณพ่อคุณแม่โมโห หรืออารมณ์ไม่ดี ( ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ ) ให้ลองหลับต า ห า ยใจเข้าลึกๆ ห า ยใจออ กย าวๆ พย าย ามทำจิตใจให้สงบและตั้งสติก่อนแล้วค่อยพูดกับลูก พย าย ามพูดคุยหรืออธิบายด้วยเหตุผลหากเป็นเรื่องที่ต้องการให้เด็กเข้าใจ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็เอาตัวเองออ กไปจากสถานการณ์ตรงนั้นก่อน ค่อยๆ ใช้เวลาปรับอารมณ์ เมื่อคิดว่าตัวเองพร้อมก็ค่อยกลับมาพูดกับลูก

7 สั่งลูกไม่ให้ร้องไห้

การสั่งห้ามไม่ให้เด็กร้องไห้ โดยเฉพาะเมื่อผู้ปกครองกำลังมีอารมณ์ด้วยแล้ว จะทำให้เด็กรู้สึกกลัวมากขึ้น และไม่สามารถหยุดร้อง หรือจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ เพราะรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังเป็นทุ ก ข์อยู่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรจะทำคือ ปล่อยให้เด็กร้องไห้เพื่อระบายความอัดอั้นตันใจก่อน และค่อยๆ บอ กลูกให้เข้าใจว่า เวลาที่เราเสียใจ เราสามารถแสดงออ กได้ ซึ่งการร้องไห้ก็ถือเป็นการแสดงออ กรูปแบบหนึ่ง ถ้าลูกหยุดร้องและสงบแล้ว เราค่อยมาคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อให้เด็กรู้ว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นห่วง และกำลังช่วยให้เขาเข้าใจและหาวิธีจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง

8 ใช้คำพูดล้อเลียน หรือเลียนแบบคำที่เด็กพูดไม่ชัด

บางครั้งผู้ใหญ่ก็ไม่ได้คิดว่าคำบางคำเป็นการล้อเลียนเด็ก เพราะคิดว่าพูดกันเล่นๆ สนุกๆ และมองว่าเด็กยังเล็ก คงไม่เข้าใจอะไรมาก แต่เมื่อเด็กโตขึ้น มีสังคมที่กว้างขึ้น คำพูดเหล่านั้นจะทำให้เด็กรู้สึกอาย ไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะหวาดกลัวที่จะโดนล้อเลียนจากครอบครัวและผู้อื่น ทำให้เด็กไม่ชอบในสิ่งที่ตัวเองเป็น จนอาจกลายเป็นปมในใจของเด็กได้คุณพ่อคุณแม่จึงควรพย าย ามพูดให้เด็กเห็นข้อ ดีของตัวเอง ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีหรือเป็น ชี้ให้เห็นว่าแต่ละคน มีความแตกต่างกัน และไม่จำเป็นต้องยึดติดกับรูปลักษณ์ภายนอ กเสมอไป

…นอ กจากจะสอนด้วยคำพูดแล้ว คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องทำตัวเป็นแบบอย่ างที่ดีให้กับลูกๆ ด้วย เพราะบางอย่ างก็ได้ผลมากกว่าการใช้คำพูดเพียงอย่ างเดียว เช่น ถ้าเราไม่อย ากให้เขาเล่นโทรศัพท์ ตัวเราเองก็ต้องพย าย ามอยู่ให้ห่างจากโทรศัพท์ หรือถ้าไม่อย ากให้ลูกพูดจาหย าบคาย ตัวเราเองและคนใกล้ชิดก็ต้องไม่พูดเช่นกัน ที่สำคัญ ตั้งสติทุกครั้งก่อนที่จะพูดอะไรกับลูก เพราะทุกคำพูดของพ่อแม่มีผลกับจิตใจของลูก

ที่มา forlifeth