6 เรื่องที่คนใช้รถมักเข้าใจผิดกันตลอ ด

วันนี้เราจะพาคุณไปดูเรื่องสำคัญของรถยนต์ที่ผู้ใช้รถใช้ถนนกันเป็นประจำมักจะเข้าใจผิดกันอยู่เสมอ กับ 6 เรื่องที่คนใช้รถมักเข้าใจผิดกันตลอ ด ไปดูกันว่าเรื่องสำคัญที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดนั้น มีเรื่องอะไรบ้าง

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนทุกวันนี้ นอ กเหนือจากความประมาทที่พบได้บ่อยแล้ว ยังมีอีกหล ายพฤติก ร ร มการขับขี่ที่หล ายคนเข้าใจผิด จนนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้เหมือนกัน วันนี้เรามี 5 สิ่งที่คนใช้รถใช้ถนนมักเข้าใจผิดมาโดยตลอ ดมาแนะนำกันค่ะ

1 การเปิดไฟฉุกเฉิน

ในช่วงจังหวะที่จะข้ามเลนโดยวิ่งทางตรง คนขับรถส่วน มากจะใช้ไฟขอทางหรือไฟฉุกเฉินนี้โดยคิดว่าเป็นการบอ กให้รู้ว่าจะตรง แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้ไฟนี้อาจสร้างความสับสนให้กับรถคันอื่นได้ เพราะรถอีกฝั่งก็จะคิดว่าจะเลี้ยวอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

2 รถที่วิ่งเร็วสามารถวิ่งในเลนขวาได้เสมอ

หล ายคนมักเข้าใจผิดว่า หากเราขับรถด้วยความเร็วสูงสุดต ามกฎหมายกำหนดแล้ว ไม่จำเป็นต้องหลบซ้ายเพื่อให้รถที่เร็วกว่าแซงไป สามารถขับแช่ขวาได้เลย หรือ บางคนขับช้า แต่ก็วิ่งแช่ขวาไว้เหมือนกัน ซึ่งต ามหลักกฎหมายนั้น ช่องทางด้านขวาบนถนนที่มีตั้งแต่ 2 เลนขึ้นไป มีไว้สำหรับแซงเท่านั้น แม้ว่าจะใช้ความเร็วสูงสุดต ามกำหนดแล้วก็ต าม ก็จำเป็นต้องหลบให้รถที่เร็วกว่าแซงไปอยู่ดี

3 การวอร์มเครื่องก่อนออ กตัว

หล ายคนยังคิดว่าการวอร์มเครื่องก่อนจะขับรถนั้นจะช่วยให้เครื่องยนต์พร้อมสำหรับการทำงานดีขึ้น จึงมักจะทำการเบิ้ลเครื่องยนต์ก่อนเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่วงการรถแข่งทำกัน เพื่อให้ความร้อนอยู่ในระดับที่เหมาะสมพร้อมจะแข่งขัน แต่การใช้รถในชีวิตประจำวันนั้นไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องทำการเบิ้ลเครื่อง

หรือวอร์มเครื่องยนต์ก่อน วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการเตรียมรถให้พร้อมก่อนออ กตัวทุกครั้งคือ ให้ติดเครื่องยนต์แล้วค่อยๆขับรถออ กช้าๆ หรือเพียงการขับรถออ กจากซอยบ้านช้าๆก็เป็นการวอร์มเครื่องยนต์ที่ดีเพียงพอแล้วสำหรับรถของเรา

4 การใช้ไฟตัดหมอ กที่ถูกต้อง

ไฟตัดหมอ กคือไฟที่ออ กแบบและถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในช่วงที่หมอ กลงจัดหรือมีฝนตกหนักจนทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นแย่ลงเท่านั้น เมื่อขับรถอยู่บนถนนในช่วงเวลาปกติไม่ควรใช้ไฟตัดหมอ กนี้แทนไฟหลัก สาเหตุเพราะไฟตัดหมอ กได้รับการออ กแบบมาเพื่อส่องลงพื้น

จึงทำให้มองเห็นเส้นทางด้านหน้าได้ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร โดยเฉพาะอย่ างยิ่งไฟตัดหมอ กในรถรุ่นใหม่ๆมีการออ กแบบให้แสงไฟพุ่งไปด้านหน้าคล้ายกับไฟสูง หากเราใช้ผิดเวลาก็จะเป็นการรบกวนรถที่สวน มาอีกฝั่งได้

5 ความเชื่อที่ว่ารถใหญ่กว่าเป็นฝ่ายผิดเสมอ

หล ายคนยังคงมีความคิดว่าหากรถมอเตอร์ไซค์ชนกับรถเก๋ง รถเก๋งจะกล ายเป็นฝ่ายผิดเสมอ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่มีกฎหมายใดๆ บัญญัติไว้แบบนั้น เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น มา การตัดสินว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิดนั้น จะต้องอยู่บนพื้นฐานว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายประมาท ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ การพิสูจน์ทราบให้ได้ว่าแท้จริงแล้วฝ่ายใดเป็นฝ่ายประมาท เช่น การติดตั้งกล้องหน้ารถ หรือเรียกดูภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นต้น

6 การเลี้ยวซ้ายผ่านตลอ ดไม่เสมอไป

หล ายคนเข้าใจผิดว่าการเลี้ยวซ้ายบริเวณแยกสามารถทำได้ตลอ ดทุกแยก แต่ต ามกฎหมายแล้วสามารถเลี้ยวซ้ายผ่านตลอ ดได้ก็ต่อเมื่อมีป้ายระบุไว้เท่านั้น หากมีป้ายให้หยุดรอสัญญาณไฟ หรือสัญญาณไฟจราจรเลี้ยวซ้ายโดยเฉพาะ หรือแม้กระทั่งไม่มีป้ายใดๆติดตั้งไว้อยู่เลย ก็จำเป็นต้องรอสัญญาณไฟเขียวพร้อมกับทางตรงด้วยเช่นกัน

ทั้ง 6 ข้อนี้เป็นความเชื่อที่หล ายๆคนยังคง เ ข้ า ใ จ ผิดอยู่และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากเป็นอุบัติเหตุ เล็กน้อยก็อาจไม่เป็นผลร้ า ยแรงมาก แต่หากเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้มีคนเสียชีวิตก็อาจเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มกันเลยทีเดียว ดังนั้นจึงควรใส่ใจเรื่องที่เล็กๆน้อยๆแต่สำคัญเอาไว้เพื่อความปลอ ดภั ยของตัวเองครอบครัวรวมทั้งเพื่อนร่วมทาง

ที่มา คนบ้านนอ ก