4 สิ่งที่ธนาคารไม่เคยบอ ก เวลาเราไปออมเ งิ น

วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ที่ชอบการฝากเงินกับธนาคารต่างๆ ไปเรียนรู้สิ่งที่ธนาคารไม่เคยบอ ก กับบทความ 4 สิ่งที่ธนาคารไม่เคยบอ ก เวลาเราไปออมเ งิ น ไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ธนาคารไม่บอ กและเราจะต้องรับมืออย่ างไรต่อไป

1 ความฝันต่างๆ อาจจะไม่เป็นความจริง

ทุกคน มีความฝันของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเกษียณก่อนกำหนด เที่ยวรอบโลก มีบ้านหลังใหญ่ ส่ งลูกเรียนเมืองนอ ก ความฝันเหล่านี้จะเป็นจริงได้ จำเป็นต้องใช้เงินจำนวน มาก หล า ยคนคิดว่าพ ย า ย า มเก็บเงิน ให้ได้มากที่สุด

เพื่อที่จะเอาเงินไปทำฝัน ให้เป็นจริงในวันข้างหน้า แต่การทำเช่นนี้อาจทำให้ความฝันเป็นจริงได้ย า กมาก หรือไม่มีวันเป็นจริงเลย จากเรื่องเงินเฟ้อในข้อแรก เราจะเห็นว่าฝากเงินในแบงค์ ยิ่งทำให้มูลค่าเงินลดลงทุกวัน เก็บเท่าไหร่ก็ไม่พอค่าใช้จ่ายอยู่ดีดังนั้น ควรแบ่งเงินไปลงทุนเพื่อ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับเรา และนำผลตอบแทนไปทำความฝัน ให้เป็นจริงในวันข้างหน้า

2 ยิ่งฝากนานเงินยิ่งห า ย

จากความเชื่อที่ว่า ฝากแบงค์เงินต้นไม่ห า ย แถมได้ ด อ ก เบี้ยสบาย เรื่องนี้มันถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะเงินต้นไม่ห า ย แต่มูลค่าเงินลดลงตลอ ดเวลา เนื่องจากเงินเฟ้อ แล้วเงินเฟ้อคืออะไร เงินเฟ้อก็คือ ภาวะที่ร า ค าของสินค้าต่างๆ สูงขึ้นทำให้มีเงินเท่าเดิม แต่ซื้ อสินค้าได้น้อยลง หรือสรุปง่ายๆ

คือมีเงินเท่าเดิม แต่มูลค่าของเงินลดลง เงินเฟ้อเฉลี่ยของไ ท ยอยู่ที่ประมาณ 3% แต่ ด อ ก เบี้ย เงินฝากทั่วไปในปัจจุบัน มักจะต่ำกว่า 3% เมื่อหักลบกันแล้ว มูลค่าของเงินก็ยังคงน้อยลงอยู่ดี

3 เสียโอกาสในการให้เงินทำงานแทนเรา

ข้อ ดีของเงินฝากคือ สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสด มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และย า ม ฉุ ก เ ฉิ นได้ทันที ไม่รวมเงินฝากที่มีเงื่อนไขพิเศษ แต่การฝากเงิน มากเกินความจำเป็น ทำให้เราเสียโอกาสนำเงินไปลงทุน สร้างผลตอบที่ดี ให้กับเราในอนาคตหล า ยคนกลัวคำว่าลงทุน เนื่องจากมีความไม่แน่นอน และอาจข า ดทุนได้

แต่จากสถิติพบว่า การลงทุนในระยะเวลาที่ย า วนานขึ้น โอกาสข า ดทุนก็จะน้อยลงต ามไปด้วย ดังนั้น ยิ่งเริ่มลงทุนเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีเวลาลงทุนนานขึ้น โอกาสข า ดทุนน้อยลง และเงินสามารถทำงานสร้างรายได้ แทนเราได้นานขึ้นด้วย

4 มีความเ สี่ ย งที่จะไม่ได้เงินคืน หากเเบงค์ล้ม

เราเชื่อว่าฝากเงินไว้กับธนาคาร ไม่ต้องกลัวเงินต้นห า ย แต่ในความเป็นจริง ถ้าแบงค์เกิดเจ๊งขึ้น มาอ ย่ า งเช่นในปี 40 เราจะเอาเงินคืนจากใคร หล า ยคนบอ กว่ามีพระราชกฤษฎีกาคุ้มครองเงินฝาก ยังไงก็ได้คืนทั้งหมด

มันใช่ถ้าเป็นเมื่อก่อนแต่ปัจจุบัน พระราชกฤษฎีกาคุ้มครองเงินฝาก ไม่ได้คุ้มครองเงินเต็มจำนวนอีกต่อไป โดยวงเงินคุ้มครองจะค่อยๆ ลดลงจากข้อมูลข้างต้น มันแปลว่าเงินต้น เราไม่ได้ปลอ ดภั ย 100% แบบที่เราคิดอีกต่อไป

จะเห็นว่าการฝากเงิน มากเกินความจำเป็น อาจจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ดังนั้น เราควรจัดสรรเงินให้เหมาะสม ทั้งการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เงินสำรองในย า ม ฉุ ก เ ฉิ น และการลงทุนเพื่อให้เงินทำงาน สร้างความมั่งคั่งให้เราในอนาคต

ที่มา aansanook, sabuyjaijung