วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ข้อคิดเรื่องเวลาของพ่อแม่ที่กำลังเริ่มเดินถอยหลังทุกวัน กับบทความ เวลาของพ่อแม่นับถอยหลังทุกวันแล้วนะลูก ไปดูกันว่าทำไมเวลาของพ่อแม่ถึงเหลือน้อยลงทุกวัน
คุณแม่ชราคนหนึ่ง เดินเข้าไปหาหนังสือพิมพ์ในห้องของลูกช าย เผอิญลูกช ายกลับบ้าน มาพอดี ลูกช ายหัวเสียมาจากการเจรจาการค้า การเจรจาครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ ลูกค้าไม่ยอมสั่งออร์เดอร์ต ามเดิม จึงรู้สึกหงุดหงิดมาก เมื่อเห็นแม่กำลังควานหาอะไร บนเตียงของเขา ความหงุดหงิดบวก กับความไม่พอใจจึงตวาดออ กไปว่า
‘แม่!มาทำอะไรที่ห้องผมอย่ ายุ่งของๆ ผมนะผมบอ กแม่ กี่ครั้งแล้ว!’ แม่ของเขาหัน มาอธิบายแก่ลูกช ายว่า
‘แม่หาหนังสือพิมพ์ ก็เลยนั่งบนเตียงของแกแป๊บเดียวเอง’ ลูกช ายแสดงสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่ างยิ่ง ก่อนเดินออ กจากห้องแล้วกล่าวทิ้งท้ายว่า
‘อยู่บ้านก็ไม่ทำอะไรว่างมากหรือไง?’ เที่ยงคืนของคืนนั้น แม่ชราผู้อาภัพได้สิ้นใจ โดยที่ลูกช ายยังไม่ทันได้ร่ำลาเลยสักคำ
ท่านขงจื้อ กล่าวไว้ว่า ‘การปรับสีหน้าให้เป็นปกติคือ กตัญญู’ เหตุใดการปรับสีหน้าให้เป็นปกติ คือความกตัญญู ก็เพราะการจะทำสีหน้าให้ปกติเป็นเรื่องย าก
‘กับข้าวอยู่ที่โต๊ะนะกินไปเลยไม่ต้องรอหนูงานยุ่ง!’ ‘ของพวกนี้ร า ค าแพงนะเวลาใช้ก็ประหยัดหน่อยนะแม่!’ ‘ดึกขนาดนี้จะมานั่งรอผมทำไมผมโตแล้วนะวันหลังไม่ต้องนะแม่รู้ไปถึงไหนผมก็อายไปถึงนั่น!’ เรางานยุ่งถึงขนาด นั่งกินข้าวกับพ่อแม่ได้ได้เลย หรือ?
หากของที่ซื้ อมาในร า ค าแพงนั้น เราเอาไปให้เจ้านายเราจะกล้าพูดแบบนี้ไหม? ความห่วงหาอาทรที่พ่อแม่มีต่อลูก มันไม่เคยจางห าย ไปจากใจ ขอบคุณท่านเมื่อเห็นท่านนั่งรอคุณกลับบ้าน เหมือนตอนขอบคุณเพื่อนๆ ที่นั่งรอเวลาคุณไปงานเลี้ยงสาย คุณทำกับคนอื่นได้แต่กับพ่อแม่คุณทำไม่ได้เลยหรือ? ท่านบรมครูขงจื้อ จึงกล่าวไว้ว่า ‘ย ามท่านอยู่เลี้ยงดูด้วยความเคารพย ามปรนนิบัติให้ความสุขสบาย
ย ามท่านป่ ว ย ให้การดูแลเอาใจใส่หากวันหนึ่งท่านจากไป ให้ความอาลัยอย่ างสุดซึ้ง ย ามบูช าเซ่นไหว้ให้ความสำรวม’ ได้โปรดระลึกว่า.. วันหนึ่งเราทุกคนก็ต้องแก่ เพียงแต่พ่อแม่แก่ก่อนเรา สิ่งที่เราควรมีก็ คือความเข้าใจ และปฏิบัติต่อท่านเหมือนที่เรา อย ากได้จากลูกหลานในอนาคต เราจึงมีความเพียรในการดูแล ไม่ปรักปรำพร่ำบ่นย ามท่านอยู่ดูแลเอาใจใส่ ท่านเพิ่มอีกสักนิด เพราะ เวลาของเรานับกันเป็นปี แต่เวลาของท่านอาจนับเป็นวันแล้วก็ได้..
ที่มา forlifeth