วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้วิธีการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนเก่งของพ่อแม่และสังคม กับบทความ อย ากเห็นลูกมีอนาคตที่ดี ควรหยุดทำ 10 เรื่องนี้กับลูก ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่ างไรบ้าง
1 เมินเฉยกับการทำดีของลูกหรือรู้สึกยินดีแบบผ่าน ๆ
ผู้ใหญ่มักมองเห็นความสำเร็จเล็ก ๆ ของลูกเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย และให้ความยินดีแค่เพียง ๆ ผ่าน แทนที่จะมองว่าผลลัพธ์ในสิ่งที่ลูกทำได้ดีนั้น จะเป็นการต่อยอ ดไปสู่ผลงานหรือความสำเร็จ ที่ดีในอนาคตของเขาได้หากได้รับการส่ งเสริมที่ดีจากพ่อแม่ การเมินเฉยหรือ การยินดีแค่เพียง ชั่ ว ขณะอาจทำให้ลูกรู้สึกไม่มั่นใจและไม่ภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้
2 ทำร้ า ยความมั่นใจของลูก
พ่อแม่หล า ยคนเผลอไปทำร้ า ยความมั่นใจของลูกโดยไม่รู้ตัว เข่น การพูดถึงข้อด้อยของลูกต่อผู้อื่นหรือในที่สาธารณะ หรือ การบังคับให้ลูกทำอะไรโดยที่เขายังไม่พร้อมหรือ กล้า การทำแบบนี้ ของพ่อแม่จะทำให้ลูกกล า ยเป็นคนข าดความมั่นใจและทำร้ า ยจิตใจของลูกได้นะคะ
3 เปิดเผยความลับของลูกให้คนอื่น
แท้จริงแล้วพ่อแม่คือที่ปรึกษาที่ดีที่สุดของลูก แต่เด็กในสังคมไทยปัจจุบันกลับเลือ กปรึกษาเพื่อนก่อนพ่อแม่ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าบางเรื่องพ่อแม่เห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือเป็นเรื่องที่มองข้าม ความสำคัญของลูกไป หรือแก้ปัญหาไม่ตรงจุด จนลูกมองว่าพ่อแม่ช่วยอะไรไม่ได้ แต่สาเหตุหลักคือเรื่องของความลับที่เ ด็ กไม่อย ากให้คนจำนวน มากรู้ หากมีเรื่องสำคัญนั้น ร้อยละ 80 ลูกมักจะ เลือ กบอ กแม่ แต่แม่ก็อาจจะนำความลับนี้ไปปรึกษาพ่อหรือคนอื่น ซึ่งการทำแบบนี้อาจทำให้เด็กเกิดความรู้สึกไม่ไหววางใจหรือเชื่อใจที่จะบอ กความลับตนเอง จึงมักทำให้เกิดปัญหาต ามมาทีหลังได้
4 มองข้ามการแสดงความคิดเห็นของลูก
ผู้ใหญ่มักแสดงความไม่พอใจต่อเ ด็ กที่ประพฤติตัวไม่ดี โดยอาจใช้การดุด่า ต่อว่า แต่เด็กร้อยละ 90 ไม่สามารถแสดงอาการไม่พอใจในตัวผู้ใหญ่ออ กมาได้ และหากกล่าวว่าผู้ใหญ่ผิดก็ทำให้ มองว่าเป็นเ ด็ กไม่ดี ทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพ่อแม่สามารถเป็นแบบอย่ างให้ลูกในการแสดงออ กและเปิดใจให้กว้างต่อ การฟังความคิดเห็นจากทุกคนในครอบครัว ยอมรับ ความผิดถูกและช่วยกันแก้ปัญหา เพื่อให้ลูกกล้าแสดงออ กและรู้จักที่จะยอมรับในสิ่งผิด อันจะเป็นรากฐานต่อ การใช้ชีวิตในสังคมเมื่อเขาเติบโตขึ้น
5 ใช้ถ้อยคำรุนแรง ด่าว่าลูก
การใช้ถ้อยคำที่ว่ากล่าวตักเตือนเมื่อเด็กทำผิด ไม่ใช่การด่าว่า ใช้คำรุ นแ ร ง ส่อเ สี ย ด เพื่อให้เด็กกลัวหรือหลาบจำ เพราะการทำแบบนี้นอ กจากจะทำให้ลูกรู้สึกไม่ดี ยังทำให้เด็กไม่มีความ สำนึกผิด หนำซ้ำยังคิดจะทำครั้งต่อไปแบบที่ไม่ทำให้โดนจับได้เพื่อจะได้ไม่โดนด่า แถมยังเกิดการเลียนแบบถ้อยคำหย า บค า ยจากผู้ใหญ่อีกด้วย
6 นำเรื่องที่เคยทำผิดของลูกมากล่าวว่าซ้ำ ๆ
ผู้ใหญ่ส่วน มากเวลาดุเ ด็ กที่ทำผิด มักจะนำเรื่องของลูกที่เคยทำผิดมาแล้วมากล่าวว่าซ้ำ ๆ เหมือนเป็นการตอ กย้ำซ้ำเติมลูกเข้าไปอีก และร้อยละ 50 ที่แสดงอาการแบบนี้จะหยุดก็ต่อเมื่อเ ด็ ก เกิดอาการเสียใจ การทำแบบนี้ถือเป็นการกระทำที่ทำ ร้ า ยจิตใจลูกได้มาก และจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกเ จ็ บใจ โ ก ร ธ จนทำให้ลูกไม่คิดจะปรับปรุงตัวให้เป็นเด็กที่ดีขึ้นง่าย ๆ แน่
7 ใช้ความรุ นแ ร งกับลูก
หมดยุคการลงโทษโดยใช้ไ ม้เ รี ย วตีลูกเพื่อสร้างให้เป็นคนดีกันแล้ว เพราะการตีหรือใช้ความรุ นแ ร งกับเ ด็ กไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงหรือปรับนิสัยลูกให้เป็นไปต ามที่พ่อแม่คาดหวังได้ แต่จะเป็นการซ้ำเติมให้ลูกมีปมภายในใจหนักขึ้นไปอีก ความรุ นแ ร งระหว่างพ่อแม่ทะเลาะกัน หรือความรุ นแ ร งที่ทำต่อลูกล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ดี ที่ยิ่งทำให้ลูกมีอาการต่อต้านหนักขึ้น และจะ กล า ยเป็นภาพจำ ทำให้ลูกกล า ยเป็นเด็กก้าวร้าวต่อไปได้ในอนาคต
8 อารมณ์เสียใส่ลูก
พ่อแม่ที่อารมณ์เสียหรือทะเลาะกัน บางครั้งก็มักจะอารมณ์เสียใส่ลูกโดยไม่รู้ตัว หรือพาลไปหาเรื่องลูก ลงใส่ลูก การทำแบบนี้นอ กจากจะเป็นการทำร้ า ยจิตใจลูกโดยง่ายแล้ว ยังทำให้ลูกรู้สึกว่า พ่อแม่ไม่มีเหตุผลจนไม่คิดจะเชื่อถือได้
9 ลงโทษเมื่อลูกทำผิด
พ่อแม่จำนวน มากคิดว่าการลงโทษ คือวิธีที่จะทำให้เด็กจดจำและจะไม่ทำผิดอีก แต่กลับตรงกันข้ามวิธีนี้จะทำให้ทำให้ลูกรู้สึกเสียใจ กล า ยเป็นเด็กที่เก็บกด และกลัวความผิดพลาดจนกล า ยเป็น คนขี้ระแ ว งได้ วิธีที่ถูกต้องที่สุดคือ การปลอบเมื่อลูกทำผิดพลาด อธิบายเหตุผลว่าทำไมนี้คือสิ่งที่ลูกทำผิด จะมีผลเสียอย่ างไร พร้อมทั้งแนะนำ ช่วยกันหาวิธีคิดแก้ปัญหาให้กับลูก หรือใช้วิธี ลงโทษแบบนุ่มนวล เช่น การลงโทษแบบ time in หรือ time out
10 เอาความคิดของตัวเองเป็นหลักและไม่ใจกว้างที่จะเข้าใจลูกตัวเอง
พ่อแม่อาจจะจดวันเดือนปีเกิดของลูกได้ รู้ว่าลูกชอบกินอะไรหรือไม่ชอบอะไร ฯลฯ แต่การรู้จักลูกในสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าคนเป็นพ่อแม่จะเข้าใจในสิ่งที่ลูกคิดได้ หากคุณยังต้องการให้ ลูกต้องทำนู่นนั่นนี่ในแบบที่พ่อแม่คิด โดยไม่ถามความสมัครใจหรือไม่ได้สังเกตอาการ สีหน้า ความสุข ของลูกเลย พ่อแม่ทุกคนอย ากเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะห้ามตี ห้ามดุ
ไปเลยทีเดียว แต่ควรทำแบบพอ ดีไม่มากเกินไป ควรใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ใช้ความจำเป็นให้มากกว่าความต้องการ เพื่อไม่เป็นการทำร้ า ยจิตใจลูก และสร้างลูกให้เป็นคนดีต่อไปเพื่อความภูมิใจ ของคุณพ่อคุณแม่เมื่อเขาเติบโตขึ้น มานะคะ
ที่มา t h t h e a s i a n p a r e n t , f a h h s a i