เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องเล่าให้คนอื่นฟัง รู้แค่เราก็พอแล้ว

หล า ยๆคนเมื่อมีปัญหาหรือมีเรื่องที่น่ายินดี ก็มักจะเล่าให้คนอื่นรับฟัง เพื่ออย ากให้เขาได้รับรู้ แต่รู้หรือไม่ว่าเรื่องบางเรื่องนั้นหากเราพูดไปแล้วอาจจะทำให้คนอื่นนั้น มองเราไม่ดี หรือเอาเราไปนินทาลับหลังได้ ฉนั้นก่อนที่จะเล่าอะไรให้ใครฟังควรคิดให้ดี โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว

มีเพียงไม่กี่อย่ างในชีวิตค่ะ ที่เราควรเก็บไว้ในใจก็พอ ให้รู้อยู่แก่ใจตัวเราเอง การใช้ชีวิตแบบ เรารู้ โลกรู้ไม่ได้ก่อให้เกิดสิ่งดีๆ กับตัวเราสักเท่าไหร่หรอ กนะและนี่คือ 7 เรื่องสำคัญสุดๆ ที่เราไม่ควรพูดกับใครทั้งนั้น

1.อีกสิ่งที่คุณไม่ควรพูดคือ ช่วงเวลาที่คุณได้แสดงความกล้าหาญหรือช่วยเหลือใครไว้เพราะคนเราเจอสิ่งต่างๆมากมายในทุกๆ วัน ทั้งภายนอ กและภายในจิตใจของเราเอง การเอาชนะตัวเองคือ การจัดการทั้งภายในและภายนอ กจิตใจของเรา ว่า คนอื่นจะรู้ไหมนะว่าเราทำดี เราควรได้รับอะไรตอบแทนอ ย่ างเหมาะสมบ้างสิ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องคิดถึงมันเมื่อเราทำดีแล้วนอ กเ สี ยจากว่า เราเป็นคนหลงตัวเอง

2.การทำดี ไม่จำเป็นต้องเอาหน้า ไม่ต้องทวงบุญคุณ การโอ้อวดคุณงามความดีที่ตนทำ จะทำให้คุณเป็นคนเย่อหยิ่ง หากคุณยังรู้สึกว่าต้องพูดสิงั้นกลับมาทบทวนดูอีกรอบค่ะว่าจริงๆ แล้วคุณทำสิ่งนั้นเพื่ออะไรกันแน่ บริสุทธิ์ใจไหมที่จะทำสิ่งนั้นหรือที่ทำเพียงแค่ต้องการได้รับความชื่นชม

3. ไม่จำเป็นต้องพูดคุย แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับความรู้ด้านจักรวาล ชีวิต หรือ การจากไปเพราะนั่นคือ การตีความของเราเพียงคนเดียว มันยังไม่ใช่ความจริง ซึ่งการเปิดเผยเรื่องราวเหล่านี้จะถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์เกิดการเอาชนะไม่จบสิ้น ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขึ้น มาทั้งนั้น

4. อ ย่ าคุยโวแพลนโปรเจ็กท์อลังการที่คุณต้องการจะทำเพื่อก้าวไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต จงเก็บมันไว้เป็นความลับจนกว่าคุณจะจัดการมันสำเร็จเรียบร้อย เพราะในทุกๆ แผนการมักมีจุดอ่อนซ่อนอยู่ซึ่งคุณอาจไม่รู้ และหากมีคนเห็นจุดบอ ดนั้นและนำหยิบยกขึ้น มาเป็นประเด็น อาจทำให้คุณท้อแท้ที่จะเอาชนะกับอุปสรรคตรงหน้าก็เป็นได้

5.ไม่คุ้มค่าหรอ กนะ กับการที่จะเอาปัญหา ในครอบครัวไปสาวไ ส้ให้กากินเรารู้กันดีอยู่แก่ใจว่า ยิ่งคนอื่นรู้ความลับในครอบครัวเราน้อยเท่าไหร่เราก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้น มากเท่านั้น การจะแก้ปัญหาในครอบครัวได้ก็ด้วยความรักเพียงเท่านั้น ยิ่งคุณนำเรื่องราวในครอบครัวไปบ่นกับผู้อื่น มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งแก้ปัญหาได้ย ากขึ้นเท่านั้นเองแหละ

6.ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องโอ้อวดไลฟ์สไตล์ส่วนตัว มันไม่ใช่เรื่องที่น่าคุยโวว่าตอนนี้น้ำหนักฉันลงไปแล้วกี่กิโลกรัม หรือ เอาชนะการตื่นสายได้แล้วหรือ คุณสามารถหยุดการ เ ส พ ติ ด ได้แล้ว เพราะถ้าคุณละแล้วซึ่งความสุขทางโลกก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมาพูดถึงเรื่องอะไรแบบนี้อีกที่จะแสดงตัวตนหรือ อัตต าใดใดเพราะถ้าคุณพึงพอใจในตัวเองก็จะไม่ได้ต้องการคำป้อยอสรรเสริญจากใครอีก

7.การบ่นถึงเรื่องราวที่คุณไม่พอใจ เกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นค่ะเช่นเดียวกับที่คนอื่นทำเสื้อผ้าคุณเลอะแล้วคุณไม่พอใจ และยังพร่ำบ่นซ้ำๆนั่นแปลว่า ใจคุณก็เลอะไปด้วยคนที่เก็บทุกสิ่งทุกอ ย่ างที่ขุ่นข้ องหมองใจไว้กับตัวซ้ำๆ

ก็ไม่ต่างกับคนที่ใส่รองเท้าย่ำเข้าบ้าน บ้านส ก ป ร กเช่นไร ใจก็ส ก ป ร กเช่นนั้น ไม่ต่างกันค่ะจะว่าไป นี่ก็จริงนะ ที่เรามักเก็บเรื่องที่เราไม่พอใจไปบ่นไปต่อว่ากันซ้ำๆ อยู่อ ย่ างนั้นแล้ว ก็ไม่เห็นจะเกิดผลดีอะไรขึ้น มานอ กจากความหงุดหงิดในใจเราเองชีวิตก็สั้นพอแล้ว จะมาเ สี ยเวลานั่ง หงุดหงิด พร่ำบ่นกันไปอีกทำไม

ที่มา  forlifeth