ลูกที่ดี รักพ่อแม่ จะไม่พูด 5 คำนี้ เมื่อท่านแก่เฒ่า

กว่ากำเนิดเลี้ยงดูจนลูกเติบใหญ่เป็นความทุ ก ข์ที่แม่แบกรับไว้ ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสรรเสริญพระคุณอันยิ่งใหญ่ว่า พระคุณที่ปกปักรั ก ษ าขณะอยู่ในครรภ์ สรรเสริญว่า ได้ร่างเป็น มนุษย์รู้ไว้คือสิ่งประเสริฐสุดในจักรวาล ส ร ร พสั ต ว์เป็นจำนวนนับไม่ถ้วนโคจรอยู่ในโลกมืดนับแสนกัป โลกแห่งรูปลักษณ์น้อยนักจักได้มาซึ่งร่างคน แท้จริงเป็นเหตุสัมพันธ์เกื้อจากอ ดีตชาติ คือปัจจัยที่ได้อาศัยเข้า

มาสู่โลกจุติเกิดในครรภ์แม่ นับแต่เริ่มปฏิสนธิจนครบห้าเดือนทารกน้อยในครรภ์ค่อยๆพัฒนาเจริญวัยจนปรากฏให้เห็นเป็นรูปร่างของอวัยวะภายในส่วนบนทั้งห้าส่วนล่างทั้งหก ย่างเข้าเดือนที่หกประสาททั้งหกครบบริบรูณ์ แม่ต้องทนแบกทุ่นน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทุกวันอ ย่ างไม่ลดลา แม้มันจะหนักหน่วงปานขุนเขาแต่ไม

เคยถ่วงความรักความอาทรที่ใจแม่นี้มีให้แก่ลูก แม้น้ำหนักของลูกเพิ่มขึ้นเท่าใดเป็นความหมายให้แม่นี้ยิ่งเพิ่มความเป็นห่วงมากขึ้นเท่านั้น ย ามที่ลูกเคลื่อนไหวภายในแม่เข้าใจเหมือนเป็นสัญญาณตอบ ทำให้แม่รู้สึกสะเทือนขวัญไม่ต่างอะไรกับแผ่นดินไหว แต่ก็อ ดกังวลไม่ได้แม้ทำใจหยุดคิดเป็นบางครั้งแต่จิตใจก็ยังจดจ่ออยู่กับลูกตลอ ดเวลา ที่ผ่าน มาเคยรักสวยรักงามต ามประสา มาบัดนี้ก็ปล่อยปละละเลยไม่ใยดี

พ่อแม่เปรียบ เสมือนพระในบ้าน ที่คอยอบรมสั่งสอน เลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่ พ่อแม่เลี้ยงดูเรามา ไม่ได้ให้เราไปด่าว่าท่าน ท่านต้องการ ให้เราเป็นคนดีหากไม่มีพ่อแม่ก็ไม่มีเรา แต่ทุกวันนี้ ลูกบางคนกลับต่อว่าพ่อแม่ส าร พัด บางครั้งก็โ ท ษ พ่อโ ท ษแม่เมื่อท่านพลาดพลั้ ง วันนี้จึงมีคำสอน 5 อ ย่ างที่ลูกที่ดี จะต้องไม่พูดคำต่อไปนี้กับพ่อแม่

1.ไม่โ ท ษพ่อแม่ว่าชักช้า

ย ามพ่อแม่หนุ่มสาว ท่านทุ่มเททั้งกายใจ เลี้ยงดูลูก ดังนั้นย ามท่านแก่ชรา อ ย่ าด่าทอท่านว่าชักช้าหากเราไม่เคยเป็นพ่อแม่จะไม่มีทางรู้ว่าต้องอ ดทนเพียงใด ในการเลี้ยงลูกให้กิน สอนลูกให้เดิน สอนอาบน้ำ และอีกมากมาย จำไว้ว่า เห็นพ่อแม่ในวันนี้ ก็เหมือนกับเห็นตัวเองในวันข้างหน้า

2.ไม่โ ท ษพ่อแม่เวลาท่านแนะให้ทำสิ่งต่างๆ

เพราะท่าน เกิดมาก่อนเราประสบการณ์มากกว่า อ ย่ าไปตะคอ กท่าน เมื่อท่าน บังคับให้กินข้าว บอ กให้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ บอ กให้กลับบ้านเร็วๆ บอ กให้รู้จักทำความสะอาด เพราะคนที่รักเราจริงเท่านั้น ถึงจะจู้จี้ในเรื่องนี้ กับเรา พ่อแม่ไม่มีทางไปจู้จี้กับลูกคนอื่นแน่นอนนอ กจากลูกตัวเอง

3.ไม่โ ท ษพ่อแม่ย ามที่ท่านป่ ว ย ไ ข้

เพราะไม่ว่า พ่อแม่จะเหนื่อย หรือยุ่งจากงานเพียงใด ฝนตกแดดออ ก พอลูกป่ วย ไ ข้พ่อแม่ก็จะหยุดทุกอ ย่ างทันที เพื่อพาลูกไปหา หม อ หาวิ ธีรักษ า ให้ลูกห า ย ป่ ว ย จะให้สังคมต่อ ว่าตัวเองว่าอ กตัญญูต่อพ่อแม่ เพียงเพราะ แค่พ่อแม่ เจ็ บ ป่ วย นานหล า ยวันเท่านั้นเองหรอ จำไว้ว่า แม้ชีวิตพ่อแม่ก็ให้ลูกได้ สองมือเหี่ ย วๆ นี้ ที่เลี้ยงลูกจนเติบใหญ่

4.ลูกที่ดีจะต้องไม่โ ท ษพ่อแม่ว่าไร้ความสามารถ

ในโลกนี้ไม่มี ใครเก่งไปทุกด้าน และไม่มีใครสมบูรณ์แบบ พ่อแม่คือผู้ให้ชีวิตเรา ใส่ใจเลี้ยงดูเราจนโตซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยอ ย่ าว่าพ่อแม่ตนเองว่าสู้พ่อแม่คนอื่นเขาไม่ได้ เพราะเมื่อพูดออ กไปแล้วมันจะกล า ยเป็นตราบ า ปในชีวิตของตัวเองไปตลอ ดชีวิต

5.ไม่โ ท ษพ่อแม่เวลาที่ท่านบ่น

ที่ท่านบ่น เพราะเราทำไม่ดีที่บ่นไปทั้งหมดก็เพื่อตัวของลูกเอง ไม่มีพ่อแม่คนไหน ไม่รักลูกตัวเอง และไม่มีพ่อแม่ คนไหนไม่อย ากให้ลูกประสบคามสำเร็จ ก้าวหน้าไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่อย ากให้ลูกเป็นอภิชาตบุตร ไม่มีพ่อแม่คนไหน ไม่อย ากให้ลูกเป็นคนเก่งมากความสามารถ เป็นคนดี

ที่มา  verrysmilejung