หากวันนี้คุณนั้นเป็นมือใหม่ที่กำลังหัดขับรถยนต์ คุณจะต้องรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง ก่อนที่จะได้ลองขับ วันนี้เราก็มีบทความที่อย ากจะแนะนำคุณเกี่ยวกับ มือใหม่ต้องรู้ ดูให้เป็น 7 สัญญาณไฟแจ้งเตือนหน้าปัดรถ ไปดูกันว่าหน้าปัดรถยนต์ขอคุณกำลังขึ้นสัญญารที่บ่งบอ กว่ารถของคุณยังใช้งานได้ปกติอยู่หรือเปล่า
เมื่อบิดกุญแจสัญญาณไฟต่างๆบนหน้าปัดจะโชว์ขึ้น ถ้าเกิดหลังจากสต าร์ทเครื่องแล้วสัญญาณไฟดับไปเป็นปกติ แต่ว่าถ้าหากภายหลังจากสต าร์ทเครื่องยนต์ติดแล้วยังเหลือไฟบางตัวขึ้นโชว์อยู่ มีความหมายว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับรถยนต์
ฉะนั้นควรจะทำความรู้จักกับไฟแต่ละดวงว่าบอ กถึงอะไรบ้าง จะได้ทราบปัญหารวมทั้งสามารถแก้ไขได้โดยทันที ไม่ต้องเสี่ยงรถยนต์พัง ทั้งนี้เครื่องหมายต่างๆมีการแบ่งประเภทและชนิด รวมทั้งความร้ า ยแรงด้วยสีของสัญญาณเตือน โดยแบ่งได้ 4 ชนิดดังต่อไปนี้
1 สัญญาณเตือนสีเขียว คือ เครื่องไม้เครื่องมือที่กำลังใช้งานอยู่
2 สัญญาณเตือนสีน้ำเงิน คือ เครื่องไม้เครื่องมือที่กำลังใช้งานอยู่ แต่ว่าไม่ใช่ค่าเริ่มต้นจากโรงงาน ( ดังเช่น การเปิดไฟสูง )
3 สัญญาณเตือนสีเหลือง คือ คำตักเตือนให้ตรวจสอบ แม้กระนั้นยังสามารถใช้งานได้อยู่
4 สัญญาณเตือนสีแดง คือ ให้ตรวจสอบทันที หรือหยุดใช้งานเพื่อให้มีความปลอ ดภั ย
เว้นแต่เข็มไมล์แล้ว ยังมีเครื่องหมายอีก ม า ก ม า ย ที่ โ ช ว์ อยู่บนแผงหน้าปัดหน้ารถยนต์ เคยสงสัยหรือเปล่าว่า แต่ละอันมันบอ กอะไร หรือเป็นอะไรกันแน่ พวกเรามาทำความรู้จักเครื่องหมายบนแผงหน้าปัดที่ช่วยเตือนว่า รถยนต์ของคุณน่าจะมีปัญหากันเลยดีกว่า
1 ไฟเบรกมือ
ไฟนี้จะขึ้นเมื่อพวกเราดึงเบรกมือ แต่ว่าเมื่อใดก็ต ามที่พวกเรามิได้ดึงเบรกมือแต่ว่าไฟนี้สว่างขึ้น มา มีความหมายว่าระดับน้ำมันเบรกต่ำ อีกกรณีเป็น ในช่วงเวลาที่พวกเราเลี้ยวรถยนต์แรงๆไฟนี้ก็บางทีอาจกระพริบขึ้น มาได้เพราะระบบช่วยทรงตัวของรถยนต์กำลังดำเนินการ พอรถยนต์ทรงตัวได้แล้ว ไฟนี้ก็จะหยุดกระพริบ แม้กระนั้นหากไม่หยุด ก ร ะ พ ริ บ ก็ควรที่จะนำรถยนต์ไปเช็คการทรงตัว
2 ไฟแบตเตอรี่
ปกติไฟแบตเตอรี่จะติดเวลาสต าร์ทรถยนต์แล้วดับไปเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว แต่ว่าถ้าหากตอนสต าร์ทไฟนี้ไม่ขึ้น แม้กระนั้นขึ้นภายหลังที่เครื่องจักรติดแล้ว หรือระหว่างขับขี่รถ นั่นแปลว่าแบตเตอรี่ของคุณเก็บไฟมิได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะแบตเตอรี่เ สื่ อ ม ไดช าร์ทหย่อนย าน ข า ด เ สื่ อ ม ภาวะ หรือห ม ด อ า ยุยง
เมื่อไฟเตือนนี้สว่างขึ้น ให้ท่านปิดวิทยุ เครื่องปรับอากาศ รวมทั้งระบบไฟฟ้าอื่นๆเพื่อแบตเตอรี่ยังพอเพียงมีกระแสไฟฟ้าอยู่ แล้วหาศูนย์ หรืออู่ที่ใกล้ที่สุด ถ้าเกิดว่าไม่มีก็ควรที่จะนำรถยนต์หยุดเข้าข้างทางโดยด่วน เพราะว่าไม่นาน รถยนต์ก็จะดับเพราะไม่มีกระแสไฟฟ้าเลี้ยงระบบ
3 ไฟเครื่องยนต์
หากไฟหน้าต าแบบงี้ขึ้น มา มีความหมายว่า เครื่องยนต์มีปัญหา ให้ทดลองเช็คเข็มบอ กอุณหภูมิของเครื่องยนต์ว่า สูงหรือเปล่า ถ้าเกิดไม่สูงก็สามารถขับต่อได้ แม้กระนั้นควรขับอยู่ที่ 1,500-2,000 รอบต่อนาที แล้วเข้าศูนย์ หรืออู่เพื่อหาสาเหตุที่จริงจริง เนื่องด้วยไฟเตือนนี้มิได้กล่าวว่า ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นนั้นหนักเพียงใด หากว่าคือปัญหาใหญ่แล้วคุณยังคงขับถัดไป นั่นอาจจะทำให้ส่วนอื่นๆเสียห า ยต ามไปด้วย
4 ไฟกาน้ำมันเครื่อง
ธรรมดาไฟนี้จะขึ้น มาในตอนที่พวกเราสต าร์ทรถยนต์ แล้วดับไป แม้กระนั้นถ้าเกิดเครื่องยนต์ติดแล้ว แต่ว่าไฟนี้ยังคงขึ้นกับ คุณควรจะปิดเครื่องยนต์โดยทันที หรือ หากว่าไฟนี้ขึ้นระหว่างขับขี่รถ ให้ตรวจเช็คอุณหภูมิของรถยนต์ว่าขึ้นสูงหรือเปล่า หากปกติ หรือสูงมากขึ้นนิดหน่อย
คุณยังเพียงพอมีเวลาน้ำรถยนต์เข้าข้างทางแล้วปิดเครื่อง แล้วหลังจากนั้นให้เช็คว่าระดับน้ำมันเครื่องเข้าขั้นที่ระบุหรือเปล่า โดยดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องขึ้น มามองว่าระดับน้ำมันถึงขีดที่อยู่บนก้านหรือเปล่า ซึ่งที่ก้านจะมีสองขีด ดังเช่น ขีดหลักเกณฑ์ระดับน้ำมันเวลาเครื่องไม่ร้อน รวมทั้งขีดเกณฑ์ระดับน้ำมันเวลาเครื่องร้อน
ถ้าระดับน้ำมันเครื่องพร่องไป คุณสามารถเพิ่มเติมเองได้ แม้กระนั้นก็ควรจะตรวจเช็คเพิ่มอีกว่ามีปัญหาอื่นอีกหรือเปล่า ดังเช่นว่า น้ำมันเครื่องเสีย
แต่ว่าถ้าหากไม่มีน้ำมันเครื่องเลย หมายความว่า อาจมีรอยรั่ว ให้ทดลองตรวจค้นร อ ย รั่ ว ถ้าหากว่าหาไม่พบก็อาจเป็นเพราะเนื่องจากประเก็นฝาสูบแตก ทำให้น้ำมันเครื่องรั่ ว เข้าห้อง เ ผ า ไ ห ม้ ซึ่งจะก่อให้ควันปล า ยท่อเป็นสีขาว หรือ อ า จ รั่ ว เข้าระบบระบายความร้อน ซึ่งกรณีนี้ควรต้องให้เครื่องเย็นก่อน ก็เลยจะเปิดหม้อน้ำเพื่อตรวจสอบสีของน้ำ แม้เป็นสีกาแฟขุ่น หมายความว่ามีน้ำมันเครื่องรั่วเข้าระบบระบายความร้อน
5 ไฟ ABS
ไฟนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายที่ติดตอนก่อนที่จะพวกเราจะสต าร์ทรถยนต์ แล้วก็บางทีก็อาจจะกระพริบระหว่างขับ ถ้าพวกเราเบรครถยนต์แรงๆเพื่อบอ กให้พวกเราทราบดีว่าระบบเบรค ABS กำลังดำเนินงานอยู่ แม้กระนั้นหากไฟเอบีเอสนี้สว่างขึ้น มาแม้ว่ามิได้เบรกแรง แสดงว่าระบบอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีปัญหา แม้กระนั้นก็ยังสามารถขับถัดไปได้ แม้กระนั้นไม่สมควรใช้ความเร็ว รวมทั้งให้ลองตรวจเช็คจากคู่มืออีกครั้งเนื่องด้วยรถยนต์บางรุ่นอาจมีเครื่องหมายที่คล้ายคลึงกัน
6 ไฟเตือนอุณหภูมิเครื่องยนต์
อีกไฟที่ต้องระมัดระวังเป็น ไฟนี้ เพราะว่าเมื่อใดที่ไฟนี้สว่างขึ้น มามีความหมายว่าเครื่องยนต์มีอุณหภูมิที่สูงเกินไป แล้วก็อาจก่อให้กำเนิดความเสียห า ยได้ โดยเหตุนั้น คุณควรที่จะนำรถยนต์หยุดเข้าข้างทางในทันที รอคอยให้อุณหภูมิรถยนต์เย็นลงแล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยตรวจเช็ค ร ะ บ บ ห ล่ อ เ ย็ น ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่จะมาจาก การอุดตัน การรั่ว หรือระดับของน้ำย า หล่อเย็น แต่ว่าถ้าเกิดคุณยังฝ่าฝืนขับต่อหรือปล่อยให้อุณหภูมิสูงถัดไปเรื่อยเครื่องจะดับ และก็อาจจะทำให้ฝาสู บ โ ก่ ง หรือเ สื้ อ สู บ บิ ด ร้ า วได้
แต่ว่าเพื่อความ ป ล อ ด ภั ย คุณควรจะเช็คภาวะของรถยนต์ อ ย่ า ง สม่ำเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นก่อนจะมีการขับขี่รถระยะไกล และก็เมื่อ กำเนิดปัญหา ให้มีสติ ใจเย็นๆแล้วก็พ ย า ย า มนำรถยนต์เข้าข้างทางโดยเลือ ก จุดที่ป ล อ ด ภั ยเสมอ
สัญญาณบนหน้าปัด อาจจะมีมากมายจนกระทั่งไม่สามารถที่จะนึกออ กทั้งหมด แต่ว่าแม้พวกเราหมั่นศึกษาเล่าเรียนเป็นประจำก็สามารถที่จะช่วยให้พวกเราพอมีความรู้แล้วก็มีพื้นฐานสำหรับการตรวจเช็กบ้าง แล้วก็มันจะช่วยทำให้คุณขับขี่รถได้ไม่มีอันตรายมากยิ่งขึ้น เราไม่ควรปล่อยทิ้งสัญญาณบนหน้าปัดรถกันนะคะ
ที่มา feedsod