ตัวอักษรบนย างรถ มีความหมาย หล า ยคนไม่เคยรู้

วันนี้เราจะพาคุณไปเรียนรู้สิ่งใกล้ตัวที่หล า ยคนนั้นใช้เป็นประจำทุกวัน กับ ตัวอักษรบนย างรถ มีความหมาย หล า ยคนไม่เคยรู้ หากวันนี้คุณยังไม่รู้เมื่อคุณรู้แล้วก็จะสามารถดูย างรถยนต์เป็น และช่างก็ไม่สามารถหลอ กลวงคุณได้อีก

การขับขี่ที่ดีนั้นควรมีย า งที่ดี เพราะว่าเป็นสิ่งที่ประสานระหว่างรถและผู้ขับ การที่เราใช้ย า งที่มีคุณภาพ มันจะช่วยให้การขับขี่นั้นดีมากยิ่งขึ้น วันนี้เราเลยได้ยกเรื่องของย า งมานำเสนอในวันนี้ค่ะ เราควรเรียนรู้ว่าย า งแต่ละชนิดนั้นผลิตขึ้น มาเพื่อ การใช้งานประเภทใด

แล้วรถของเรานั้นเหมาะที่จะใช้แบบไหน แบบไหนที่ตอบโจทการใช้งานเรามากที่สุด เราต้องเลือ กสิ่งที่คุ้มค่ากับเรามากที่สุด ที่สำคัญเลย ย า งมือสองเราควรที่จะ รู้ให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ไม่ควรสักแต่ว่าจะเปลี่ยนก็เข้าร้าน เปลี่ยนเลย เราใช้เอง เราต้องเลือ กสิ่งที่ดีที่สุดในกับตัวเองเสมอ

ในเรื่องของค่าต่างๆที่สำคัญ เราก็ต้องรู้จักเพราะว่าย า งรถยนต์โดยทั่วไป รหัสบนแก้มย า งรถยนต์จะบ่งบอ กอะไรหล า ยๆ ในพื้นฐานแล้วนั้นเราสามารถรับรู้ได้ คือ ขนาด และ วันผลิตย า ง ซิ่งย า งถนน

ค่าต่างๆ ที่สำคัญกับย า งรถยนต์

– Code ย า งรถยนต์ 185 คือ ความกว้างของย า ง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร

– 75 คือ ความสูงของแก้มย า ง เท่ากับ 75% ของความกว้างย า ง

– R ก็คือชนิดของย า ง ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเรเดียลเกือบทั้งหมด

– 14 คือนั้นก็คือขนาดเส้นผ่ าศูนย์กลางล้อ หน่วยเป็นนิ้ว

– 82 พิกัดรับน้ำหนักบรรทุก

– s พิกัดอัตราความเร็ว

โดนความกว้างของย า ง นั้นหมายถึงความกว้างสูงสุดระหว่างแก้มซ้าย-แก้มขวา โดยที่ความสูงของแก้มย า ง โดยทั่วไปเราเรียกกันว่า ซีรีย์ พิกัดรับน้ำหนักบรรทุก กับ พิกัดอัตราความเร็ว ดูต ามต ารางด้านล่าง

Code วันผลิต

ในส่วนของแก้มย า งรถยนต์หาดูดีดี ย า งส่วนใหญ่จะบอ กไว้รหัส ต ามภาพด้านล่างเลย 4202 นั้นหมายถึง ผลิตเมื่อ สัปดาห์ที่ 42 ของปี 2002 ตัวเลข คู่แรก คือ สัปดาห์ที่ 42 คู่หลัง คือ ปี 02

ให้เพื่อนๆนั้นดูที่จุดสีเหลือง สิ่งนี้เรียกว่าจุด weight mark ผู้ผลิตย า งรถยนต์นั้นได้ทำเครื่องหมายด้วยการแต้มสีลงบนส่วนที่เบาที่สุดของย า ง เพื่อที่จะช่วยให้ช่างทราบว่า ส่วนใดมีน้ำหนัดเบาที่สุด และบนย า งรถยนต์เส้นนี้ และก็ควรใส่ย า งโดยเอาจุ๊บลม โดยให้ตรงกับจุดสีเหลืองนั้น

เพื่อที่จะได้เกิดความสมมาตรมากที่สุด เวลาที่ถ่วงล้อ การผลิตย า งรถยนต์ในแต่ละเส้น แต่ละล๊อตน้ำหนักย า งจะเท่ากันหมด จุดสีเหลือ จะเป็นเรื่องที่เราควรทราบและ ช่างก็ควรทราบ มันจะทำให้ไม่เปลืองตะกั่วถ่วงย า งมากเกินไป แต่เมื่อไหร่ที่เห็นจุดสีแดง อย่ าตกใจ แค่ยึดจุดสีแดงแทน

ความหมายของตัวเลขและตัวอักษรบนแก้มย า งรถกระบะ มีลักษณะดังนี้ 195 R14C 8PR คือ

– 195 คือ ความกว้างย า งรถยนต์ มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร

– R คือ โครงสร้างย า งแบบเรเดียล 14 คือ เส้นผ่ าศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว

– C คือ ย า งที่ใช้เพื่อ การขนส่ ง

– 8PR คือ อัตราชั้นผ้าใบเทียบเท่า 8 ชั้น ( ในส่วนของซีรีส์ ถ้าไม่ได้ระบุ คือ ซีรีส์ 80 )

ความหมายของตัวเลขและตัวอักษรบนแก้มย า งรถขับเคลื่อน 4 ล้อมีลักษณะดังนี้

31×10.5R15

31 คือ เส้นผ่าศูนย์กลางย า งรถยนต์ มีหน่วยเป็นนิ้ว

10.5 คือ ความกว้างย า ง มีหน่วยเป็นนิ้ว

R คือ โครงสร้างย า งแบบเรเดียล

15 คือ เส้นผ่ าศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว

ตัวอย่ างเช่น 120/70-ZR17 58W

120 คือ ความกว้างหน้าย า ง 120 มิลลิเมตร

70 คือ ความสูงแก้มย า ง วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของความกว้างหน้าย า ง ในตัวอย่ างคือ 70% ของ 120 นั่นคือ ย า งมีความสูง 84 มม.

Z คือ ตัวบอ กว่าเป็นย า งที่ใช้กับรถความเร็วสูง

R คือ บอ กชนิดของย า ง ว่าเป็นย า งเรเดียล ถ้าไม่มีตัวนี้แสดงว่าเป็นย า ง Belt Bias

17 คือ ขนาดขอบล้อ 17 นิ้ว

58 คือ เรทการรับน้ำหนักสูงสุดของย า ง ( Load Index ) เทียบเท่ากับ 236 กิโลกรัม

W คือ เรทความเร็วสูงสุดที่ย า งรับได้ ซึ่งตัว W หมายถึงไม่เกิน 270 กม./ชม.

ถ้ามีคำว่า M/C อยู่นั่นจะเป็นตัวบอ กว่าย า งเส้นนี้ออ กแบบมาให้ใช้กับมอเตอร์ไซค์

รหัสตัว ‘W’ หรือรหัสบอ กความเร็วสูงสุดที่สามารถรับได้ ที่อยู่ตัวหลังสุดมีอะไรกันบ้าง

B —– 50 km/h —– 31 mph

C —– 60 km/h —– 37 mph

D —– 65 km/h —– 40 mph

E —– 70 km/h —– 43 mph

F —– 80 km/h —– 50 mph

G —– 90 km/h —– 56 mph

J —– 100 km/h —– 62 MPH

K —– 110 km/h —– 68 MPH

L —– 120 km/h —– 75 MPH

M —– 130 km/h —– 81 MPH

N —– 140 km/h —– 87 MPH

P —– 150 km/h —– 93 MPH

Q —– 160 km/h —– 99 MPH

R —– 170 km/h —– 106 MPH

S —– 180 km/h —– 112 MPH

T —– 190 km/h —– 118 MPH

U —– 200 km/h —– 124 MPH

H —– 210 km/h —– 130 MPH

V —– 240 km/h —– 150 MPH

W —– 270 km/h —– 168 MPH

Y —– 300 km/h —– 186 MPH

Z —– over 240 km/h —– over 150 mph

เป็นอย่ างไรกันบ้างค่ะ พอเข้าใจกัน มากขึ้นไหม สิ่งที่เราไปบอ กไปนี้ คือว่าเป็นอีกหนึ่งความรู้ดีๆ เกี่ยวกับย า งรถ ที่ใครหล า ยคนนั้นอาจไม่รู้มาก่อน ลอง ทำความเข้าใจดูค่ะ เพื่อเราจะได้มีความรู้ในเรื่องย า งมากยิ่งขึ้น ที่เมื่อไหร่ที่เราไปเปลี่ยนย า ง เราสามารถที่จะได้ย า งที่มีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น

ที่มา : krustory