รักมากเพียงใด เมื่อถึงเวลาที่ต้องจาก ก็ต้องจากกันไปอยู่ดี

วันนี้เราอย ากที่จะพาเพื่อนๆ ไปเรียนรู้ข้อคิดของการใช้ชีวิตคู่ กับบทความ รักมากเพียงใด เมื่อถึงเวลาที่ต้องจาก ก็ต้องจากกันไปอยู่ดี ไปดูกันว่าทำไมเมื่อคนเราหมดซึ่งบุญวาสนาต่อ กัน สุดท้ายก็ต้องจากกันไปอยู่ดี

นาน มาแล้ว มีคู่รักคู่หนึ่งรักกัน มาก คบกัน มา3 ปี ทั้งสองคนตกลงจะแต่งงานกัน กำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายช ายเองก็รอวันที่จะแต่งงาน และต่อมาฝ่ายช ายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นกะทันหัน มาก และฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับ เมื่อทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ต่อมาก็ได้ป่ ว ยหนักเพราะตรอมใจ และป่ ว ยหนักขึ้นเรื่อยๆ ไปหาหมอตั้งหล า ยครั้งก็ไม่ดีขึ้น ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้าน มีหลวงต าแก่ๆ ผ่าน มา พอมาถึง หลวงต าหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน

แล้วมองไปในบ้าน แล้วเคาะประตู และเด็กรับใช้เดินออ กมาเปิดประตู พบว่าเป็นพระ จึงพูดไปว่า ‘ ไม่ทำบุญ นิมนต์ข้างหน้า ‘ หลวงต าท่านยิ้มอย่ างมีเมตต า ‘ อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาตหรอ ก ในบ้าน มีคนป่ ว ยใช่ไหม อาตมาอาจจะพอช่วยได้บ้าง ‘ เด็กรับใช้ได้ฟัง ก็อึ้งไป แล้วบอ กว่า ‘ ขอไปถามเจ้านายก่อนนะ ‘ และเจ้านายตอบอย่ างตัดรำคาญว่า

‘ อย ากเข้ามาก็เข้ามา ‘ พอหลวงต าท่านเข้าไปที่ห้องนอน เห็นช ายคนนั้นนอนอย่ างหมดอาลัยอยู่ สีหน้าซีด ร่างกายผอม เหมือนไม่ได้กินอะไรมาหล า ยวัน เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงต า พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างเตียงของช ายคนดังกล่าว หลวงต าท่านยิ้มแล้วพูดว่า ‘ อาการหนักเลยนะ ‘ ช ายคนนั้นเงียบ ไม่สนใจในสิ่งที่หลวงต าพูด หลวงต าจึงพูดอีกว่า ‘ โทรมมากเลยนะ ‘ ช ายคนนั้นก็ไม่ใส่ใจ

‘ ไม่เชื่อลองมองที่กระจกสิ ‘ ช ายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางต าช ายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานนักภาพของคนรักก็ค่อยๆ ห า ยไป กล า ยเป็นภาพทิวทัศน์ช ายทะเล ที่นั่นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมาเลย ขณะที่ช ายป่ ว ยนั้น มองภาพในกระจก เพราะความสนใจ เขาจึงรู้ว่ามีศ พหญิงสาวนอนเ ป ลื อ ย ก า ยอยู่ที่ช ายหาดนั้น พอเวลาผ่านไปได้ไม่นาน มีช ายคนนึงเดินผ่าน มา เขามองศ พหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ

แล้วรีบเดินผ่านไปอย่ างรวดเร็ว ต่อมาอีกไม่นาน มีช ายอีกคนเดินผ่าน มามองเห็นร่างนั้น เขาสงสารจึงถอ ดเสื้อนอ ก ออ กมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วจึงเดินจากไป พักใหญ่ๆ อีกเช่นเคย มีช ายอีกคนเดินผ่าน มา พบคนนอน มีผ้าคลุม ส่ งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เขาจึงได้เปิดออ กดู แล้วพบว่าเป็นศ พ ด้วยใจสงสารจึงจะฝังให้ แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาเลยตัดสินใจใช้มือทั้งสองข้าง ค่อยๆ กอบทรายขึ้น มาทีละนิด ไปเรื่อยๆ จนเย็น เมื่อได้หลุมใหญ่พอสมควร จึงได้ฝังร่างผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อย แล้วเดินจากไป

จากนั้นภาพในกระจก ก็เปลี่ยนเป็นภาพของศ พหญิงคนนั้น แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็น ภาพของหญิงคนรัก เขาเห็นแล้วก็ตกใจ พอสักพักก็ปรากฏเป็นภาพช ายคนที่ 2 แล้วก็ค่อยๆ จางไป เหลือแต่เงาของตนในกระจก แล้วหลวงต าพูดว่า ‘ ทีนี้เข้าใจหรือยังล่ะ ร่างนั้นคือคู่รักของโยม ช ายคนที่ช่วยฝังร่างเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งช าติ ช าตินี้เธอก็เลยแต่งงานกับเขา

ส่วนโยมนั้นช่วยคลุม ผูกวาสนา 3 ปี และตอนนี้ มันครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้ว ก็ต้องจาก ‘ พอช ายคนนั้นฟังจบก็กระอักเ ลื อ ดออ กมา หลวงต าท่านยิ้มแล้วบอ กว่า ‘ โยมรอ ดแล้ว เมื่อ กี้โยมกระอักเ ลื อ ดเสียออ กมาแล้ว ‘ แล้วช ายคนนั้นก็ได้ออ กบวช ติดต ามหลวงต า คนเราเจอ กันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ‘ เมื่อมีวาสนาไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอ กัน ‘

‘ เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน ‘ ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณได้ทำดีต่อคนรักของคุณแค่ไหน เพราะถึงเวลาที่ต้องจาก ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า ก็ซื้ อเวลากลับคืน มาไม่ได้ ทำดีต่อ กันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้หรอ กว่า เราจะต้องจากกันตอนไหน ดูแลกันเข้าไว้ ก่อนจะไม่มีใครให้ดูแล

ที่มา chonburipost, 108resources