วิ ธีแก้ปัญหาตู้เย็นเก่ากินไฟ ทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องซื้ อใหม่

เชื่อว่าทุกบ้านนั้นต้องมีตู้เย็นกันอยู่แล้วใช่ไหมละ เพราะเราต้องใช้แช่อาหารต่างๆ ไว้ทำกับข้าว แช่ของสดเพื่อให้มีความสดอยู่ตลอ ด ทานได้นาน แต่เมื่อใช้ไปนานๆตู้เย็นก็จะเริ่มกินไฟ หล า ยคนเมื่อทนกับค่าไฟไม่ไหวก็ต้องซื้ อตู้เย็นใหม่ ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองไปอีก ฉนั้นจะดีกว่าไหมถ้าเรารู้จักวิ ธีแก้ปัญหาตู้เย็นกินไฟ งั้นเราไปดูกัน

ตู้เย็นเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในทุกบ้าน หากเป็นตู้เย็นที่ผลิตมาในช่วงปีหลังๆ จะมีการติดป้ายประหยัดไฟเบอร์ 5 อยู่เสมอ แต่ถ้าหากเป็นตู้เย็นที่ใช้งานไปเป็นระยะเวลานาน หรือแม้แต่ตู้เย็นเก่า อาจทำให้ตู้เย็นกล า ยเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเกินกว่าปกติ และยังอาจส่งผลให้เกิดอันตรายอื่นๆ ต ามมาด้วย หรือแม้แต่ถ้าหากใช้งานผิ ดวิ ธี ก็อาจทำให้เป็นสาเหตุที่ทำให้กินไฟเพิ่มขึ้น เช่น ไม่ละล า ยน้ำแข็งที่ช่องฟรีซ ทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักกว่าเดิม หรือแม้แต่การวางตู้เย็นไม่จุด อาจวางใกลักับบริเวณที่มีความร้อน การเปิดปิดตู้เย็นบ่อยๆ ก็จะทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักขึ้นเช่นกัน วิ ธีแก้ให้ตู้เย็นทำงานปกติ สามารถทำได้เอง มีดังนี้

1 ขอบย า งของตู้เย็น

เป็นสิ่งที่หากเมื่อถอ ดออ กมาล้างทำความสะอาดเรียบร้อย ให้ลองนำมาแช่น้ำอุ่นไว้ เพราะน้ำอุ่นจะช่วยให้ขอบย า งข ย า ยตัว เมื่อเช็ดทำความสะอาดให้แห้ง นำกลับไปประกอบต ามเดิมจะช่วยล ดรอยรั่วในตู้เย็นได้เป็นอ ย่ า งดี

2 การจัดวางตู้เย็น

ให้ยกขาหน้าของตู้เย็นสูงกว่าด้านหลังเล็กน้อย สามารถใช้วัสดุอย่ า ง ย า งหรือแผ่นไม้รองขาด้านล่างเพื่อให้ประตูตู้เย็นโน้มปิดได้สนิท ช่วยให้ไอความเย็นของตู้เย็นไม่หลุดลอ ดออ กมาด้วย

ทั้งนี้วิ ธีตรวจสอบตู้เย็นที่บ้าน ว่ากินไฟมากกว่าปกติหรือไม่ ให้ลองใช้กระดาษ A4 เ สี ยบเข้าบริเวณตรงประตูตู้เย็นเพียงครึ่งเดียวหนีบไว้แล้วปิดประตูตู้เย็น แล้วลองดึงกระดาษดู หากดึงกระดาษได้ย า ก หรือ ดึงไม่ออ ก แสดงว่าตู้เย็นยังคงสภาพการใช้งานที่ดี เพราะขอบย า งตู้เย็นไม่เสื่อมอายุการใช้งาน แต่ถ้าหากดึงออ กได้อ ย่ า งง่ายดายก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่า ตู้เย็นอาจอยู่ในสภาพการทำงานที่ไม่สมบูรณ์แล้วนั่นเอง

ที่มา   krustory